วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

lenovo สานต่อความแรง Windows 8 เปิดประสบการณ์ใหม่เต็มพิกัดกับอุปกรณ์มัลติทัช

เสริมทัพเต็มสูบจัดเต็มประสิทธิภาพด้วยแล็บท็อป ออลอินวันพีซี และคอนเวอร์ทิเบิลอัลตร้าบุ๊ก

          เลอโนโวตอกย้ำความเป็นผู้นำพีซีประกาศเปิดตัวพีซีมัลติทัช Windows 8 หลากหลายรุ่น ยกขบวนมาด้วยแล็บท็อป Z ซีรียส์ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กระดับไฮเอนด์ อาทิ Z410 Touch และ Z510 Touch อีกทั้งแล็บท็อปตระกูล S ที่ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์บางเบา อย่าง S210 Touch และ S400 Touch นอกจากนี้เลอโนโวยังนำเสนอโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นต์สำหรับทุกคนในครอบครัว อย่างคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะออลอินวันพีซี C440 Touch ดีไซน์โฉมใหม่จากตระกูลออลอินวันที่ช่วยประหยัดพื้นที่อย่างชาญฉลาด อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์มัลติมีเดียที่ให้ความสะดวกอย่างครบครันในราคาประหยัด

Lenovo Z410 Touch

          นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ทุกวันนี้อุปกรณ์ระบบสัมผัสเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเราอยู่ในยุคพีซีพลัส (PC+) ซึ่งเป็นยุคที่เราต้องอินเตอร์แอคกับอุปกรณ์และดิจิตอลคอนเท้นต์ เลอโนโวเองกำลังรุกหนักตลาดอุปกรณ์มัลติทัช เพื่อให้เราได้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตพีซีที่รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 8 ที่ใหญ่ที่สุด และยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อันดับ 1 ของโลกไว้ได้ต่อไป”

          เลอโนโว Z ซีรียส์ หน้าจอสัมผัส ตอบสนอง 10 จุด – ความล้ำหน้าของระบบประมวลผลและกราฟฟิคที่ทันสมัย
          เลอโนโว Z410 Touch และ Z510 Touch เป็นแล็บท๊อป รุ่นล่าสุดของ Z ซีรียส์ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งาน หน้าจอสัมผัส ของ Windows 8 โดยเฉพาะ โดยสามารถรองรับการใช้งานหน้าจอสัมผัสถึง 10 จุด ช่วยเพิ่มอรรถรสไม่ว่าจะดูหนังหรือเล่นเกมส์ด้วยระบบเสียงที่ดังกระหึ่มจาก Dolby Home Theatre V4 นอกจากนี้ Z ซีรียส์ใหม่ ยังมาพร้อมพลังการประมวลผลสูงสุด Intel 3rd Generation Core i7 ที่จะช่วยให้การใช้งานของคุณประหยัดพลังงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว อาทิ กราฟฟิกการ์ด NVIDIA GeForce เป็นต้น
          โดยครั้งนี้ เลอโนโว Z ซีรียส์ใหม่ จะพาคุณได้เปิดประสบการณ์ Windows 8 อย่างเต็มที่ทั้งหน้าจอสัมผัส 14 นิ้ว และ 15.6 นิ้ว และที่สำคัญ ยังคงไว้ซึ่งคีย์บอร์ดแบบ AccuType ที่โดดเด่นด้วยปุ่มกดไฟ Backlit สีแดงบนพื้นดำสุดเท่ห์ เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นได้ง่าย แม้ว่าคุณจะใช้งานในที่มืดก็ตาม

          เลอโนโว S400 Touch และ S201 Touch – ความเพรียวบางที่ล้ำสมัย กับราคาที่ใครก็เป็นเจ้าของได้
          แม้ตัวเครื่องจะถูกออกแบบมาให้บางเพียงใด แต่เลอโนโว S400 Touch ยังเป็น โน้ตบุ๊ก ที่คงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งและทนทานต่อทุกการใช้งานเป็นอย่างมาก ด้วยความบางเพียง 1 นิ้ว และผิวสัมผัสที่เคลือบด้วยโลหะเสริมความแข็งแรง อีกทั้งหน้าจอ widescreen การดีไซน์พิเศษที่ช่วยให้มีน้ำหนักเบา ด้วยคีย์บอร์ดแบบ AccuType ที่มาพร้อมคีย์แพดขนาดใหญ่ และขุมพลังภายใน จาก Intel 3rd generation ยิ่งตอกย้ำความสมบูรณ์แบบแห่งการพกพา ให้ Lenovo S400 Touch เหมาะอย่างยิ่ง ที่จะท่องเที่ยวไปกับคุณทุกที่ทุกเวลา

          เลอโนโว S400 Touch หน้าจอ 14 นิ้ว ความลงตัวของดีไซน์ที่สวยงามและน้ำหนักเบา มาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน เป็นอีกหนึ่งความสมบูรณ์แบบสร้างสรรค์เพื่อนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ และ เลอโนโว S210 Touch มินิ โน้ตบุ๊ก ราคาประหยัด ที่ผสานอย่างลงตัวทั้ง เครื่องขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบา เหมาะแก่การพกพา พร้อมระบบประมวลผลที่ยอดเยี่ยม ตอบสนองการสัมผัส ถึง 10 จุด


          สัมผัสแห่งความสมบูรณ์แบบ เลอโนโว ออลอินวัน C440 Touch
          ความลงตัวของประสิทธิภาพและราคาไม่แพงที่มาพร้อมกับดีไซน์อันสวยงาม และจอแสดงผล HD LED 21.5 นิ้ว ทำให้ C440 Touch เหมาะสำหรับการชมภาพยนตร์และวิดีโอแบบ HD เสมือนจริง เลอโนโว C440 Touch มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลสุดแกร่งจาก Intel 3rd generation Core i5 ช่วยให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น รองรับได้สูงสุดถึง NVIDIA GeForce 615 กราฟิก 2GB อันจะช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมคุณสมบัติ HD Graphics GPU จากอินเทล HDD 500GB, Wi-Fi, USB 2.0, HDMI และตัวเลือกในการเชื่อมต่อ Ethernet

          ราคาและการวางจำหน่าย
          เลอโนโว S210 Touch วางจำหน่ายแล้วในราคาเริ่มต้นที่ 13,990 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
          เลอโนโว S400 Touch วางจำหน่ายแล้วในราคาเริ่มต้นที่ 19,990 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
          เลอโนโวออลอินวัน C440 Touch วางจำหน่ายแล้วในราคาเริ่มต้นที่ 20,490 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)

          ติดตามความเคลื่อนไหว ของเลอโนโวได้ที่ Lenovo RSS feeds หรือติดตามที่ Twitter และ Facebook.

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

SONY เปิดตัว Cyber-shot QX100 และ Cyber-shot QX10

บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดตัว Cyber-Shot QX100 และ Cyber-Shot QX10 กล้องดิจิตอลคอมแพค 2 รุ่นแรกกับดีไซน์ทรงเลนส์ ที่สามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้อย่างลงตัว ด้วยขนาดเล็กกะทัดรัด ตอบโจทย์ในเรื่องของภาพถ่ายที่ต้องการรายละเอียดความคมชัดสูง ที่สมาร์ทโฟนทั่วไปอาจไม่สามารถตอบสนองได้ โดยในส่วนของ Cyber-shot QX100 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ ให้คุณภาพไฟล์ที่คมชัด มีคุณสมบัติในการเก็บรายละเอียดภาพที่ดีกว่าโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีแสงน้อย ด้วยเซ็นเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 1.0 นิ้ว ความละเอียด 20.2 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์เดียวกันกับที่ใช้ในกล้อง Cyber-shot RX100 II รวมถึงระบบประมวลผลแบบ BIONZ ที่ประมวลผลได้รวดเร็วและให้คุณภาพไฟล์ทั้งภาพนิ่งและภาพวีดีโอที่ยอดเยี่ยม จึงสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างคมชัด พร้อมด้วยเลนส์ Carl Zeiss Vario-Sonnar T* จึงให้ภาพคมชัดระดับเดียวกับกล้องดิจิตอลคอมแพคท์ระดับไฮเอนด์ ควงคู่มากับ Cyber-shot QX10 ที่มีน้ำหนักเพียง 105 กรัม มาพร้อม Exmor R™ CMOS sensor ความละเอียด 18.2 ล้านพิกเซล และ Sony G Lens คุณภาพสูง กำลังขยายแบบอ็อพติคัล 10 เท่า

Cyber-Shot QX100

นอกจากนี้ กล้องทั้ง 2 รุ่น สามารถเชื่อมต่อการทำงานกับสมาร์ทโฟน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพด้วยระบบ Wi-Fi และ NFC ซึ่งภาพที่ได้จะมีคุณภาพเทียบเท่ากับกล้องคอมแพคระดับไฮเอนด์ พร้อมด้วยความสามารถพิเศษของแอพพลิเคชั่น Play Memories Mobile ที่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการทั้ง Android และ iOS จึงทำให้ใช้สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์สำหรับการปรับตั้งค่าต่าง ๆ ในการถ่ายภาพได้ อาทิ การลั่น ชัตเตอร์ การถ่ายวีดีโอ และสามารถแชร์ภาพได้อย่างสะดวกง่ายดาย ภาพที่ถ่ายจากกล้องจะถูกบันทึกลงในสมาร์ทโฟนอย่างรวดเร็วผ่านเทคโนโลยี NFC ทำให้สามารถปรับแต่งภาพ หรือแชร์สู่โซเชียลมีเดียได้ทันที นอกจากนี้ตัวกล้องยังมีอแดปเตอร์ที่สามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ได้ พร้อมทั้งมีปุ่มชัตเตอร์บนตัวเลนส์ ช่องใส่เมมโมรี่การ์ด และช่องชาร์จไฟ รวมถึงช่องสำหรับยึดขาตั้งกล้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพแบบมืออาชีพอีกด้วย


สำหรับ Cyber-Shot QX100 จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ศกนี้ เป็นต้นไป ในราคา 14,990 บาท และ Cyber-Shot QX10 ราคา 6,990 บาท ที่โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านตัวแทนจำหน่าย สามารถข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100 หรือเยียมชม www.sony.co.th

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ASUS เปิดตัว “Zenbook Touch” จอมัลติทัช Full HD บางเฉียบ ล้ำอนาคต

บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยโฉม อัลตร้าบุ๊กที่ออกแบบมาด้วยความประณีต บางเบาดุจใบมีด หน้าจอ Full HD ขนาด 13.3 นิ้ว “เอซุส” เผยโฉม “Zenbook Touch” อัลตราบุ๊กหน้าจอสัมผัส รูปทรงเพรียวบางหรูหรา เพียง 3 มิลลิเมตร หน้าจอความละเอียดระดับ Full HD ขนาด 13.3 นิ้ว น้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัม บนระบบปฏิบัติการ Windows 8 ด้วยหน่วยประมวลผล 3rd generation Intel Core i7 processors ด้วยเทคโนโลยี ASUS Super Hybrid Engine ll สามารถรีซูมระบบภายใน 2 วินาที โดยไม่ต้องเสียเวลารอ ส่วนแบตเตอรี่เปิดสแตนบายได้นานสุดถึง 14 วัน ในกรณีที่ระดับแบตเตอรี่เหลือต่ำกว่า 5% ข้อมูลจะถูกสำรองไว้บน SSD โดยอัตโนมัติ



ผู้ใช้จะได้รับการเชื่อมต่อที่รวดเร็วทันใจและหลากหลาย จาก USB 3.0, Bluetooth 4.0 และ Micro HDMI รับส่งไฟล์ได้ไม่มีสะดุด อีกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของ “เอซุส” คือพลังเสียงที่มีคุณภาพเหนือกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไป ด้วยเทคโนโลยี SonicMaster ที่พัฒนาร่วมกับ Bang&Olufsen ICEpower ให้เสียงชัดแจ๋ว พร้อมเบสดีเยี่ยม ด้วยราคา 45,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ฟรี!! อัพเกรดประกันเป็น 2 ปีทั่วโลก (มูลค่า 2, 950 บาท)



สัมผัสความบางของอัลตราบุ๊ก “ASUS” ได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่าย โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซด์ www.asus.co.th และ www.facebook.com/ASUSTHAILAND, www.twitter.com/ASUSTHAILAND หรือโทรสอบถามได้ที่ เอซุส คอลเซ็นเตอร์ 02-401-1717

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เปิดตัว Lenovo S Series

เลอโนโวเปิดตัวเลอโนโวสมาร์ทโฟน S ซีรียส์ สมาร์ทโฟนที่เน้นด้านดีไซน์และความทันสมัย รองรับระบบปฎิบัติการณ์ Android โดยพร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ทั่วประเทศ

นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า, “ความต้องการการใช้งานสมาร์ทโฟนในประเทศมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เลอโนโวดีใจที่เราสามารถเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภค เลอโนโวเปิดตัวและวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน A ซีรียส์ไปเมื่อไม่นาน และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากผู้บิโภคเห็นถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ การวางจำหน่ายสมาร์ทโฟน เลอโนโว S ซีรี่ยส์ในวันนี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกที่มากขึ้นให้กับผู้บริโภคที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการหน้าจอขนาดใหญ่ในราคาสบายกระเป๋า”



Lenovo สมาร์ทโฟนรุ่น S920 - มากกว่าแค่ความบันเทิง

สมาร์ทโฟน Lenovo S920 มาพร้อมกับความโดดเด่นสะดุดตา ตัวเครื่องดีไซน์โค้งมนเรียบ จอแสดงผล IPS ขนาด 5.3" (1280 x 720) สมาร์ทโฟนในตระกูล S-series ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้วัยหนุ่มสาว กลุ่มก๊วนต่างๆ สาวกสื่อสังคมออนไลน์ และเหล่าเกมเมอร์ โดยกล้องหลังระดับ “super camera” ของ S920 มาพร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดกว่า และถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากถึง 100 ภาพใน burst mode พร้อมถ่ายภาพนิ่งในขณะถ่ายวิดีโอและฟังก์ชั่นการปรับแต่งภาพขั้นสูง รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล 1.2GHz quad-core processor ช่วยให้ถ่ายวิดีโอและเล่นเกมที่เต็มไปด้วยกราฟิกได้อย่างลื่นไหล ไม่เพียงเท่านั้น S920 ยังมีรูปลักษณ์และสัมผัสที่ยอดเยี่ยม น้ำหนักเพียง 159 กรัมและมีความลึกเพียง 7.9 มม. ส่วนดีไซน์ที่คล้าย "นาฬิกาทราย" ทำให้ดูเพรียวบางยิ่งขึ้นและโดดเด่นสะดุดตา



Lenovo สมาร์ทโฟน รุ่น S820– เต็มที่เรื่องความบันเทิงในน้ำหนักที่บางเบา

ภายใต้ผลงานการออกแบบดูเพรียวบางอย่างยอดเยี่ยมของ Lenovo S820 กลับอัดแน่นด้วยคุณสมบัติล้ำสมัยของมัลติมีเดียโฟนที่ให้ความรู้สึกแตกต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่ถือ และภายใต้กระจกโค้งสวยสะดุดตาเมื่อมองจากภายนอก ภายในบรรจุ quad core processor อันทรงพลังเพื่อความลื่นไหลในการใช้ระบบปฏิบัติการ Android คุณสมบัตินี้ผสานอย่างลงตัวกับหน้าจอ HD ขนาดใหญ่ 4.7" ให้ภาพคมชัดยิ่งกว่าและให้ประสบการณ์การรับชมที่ดีกว่าเมื่อเล่นเกม ดูวิดีโอ หรือท่องเน็ต ส่วนกล้องความละเอียดสูง 12 ล้านพิกเซลของ S820 สามารถบันทึกทุกรายละเอียดและถ่ายภาพในโหมด ultra-fine ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังมาพร้อมซอฟแวร์ SuperCameraที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำสิ่งที่น่าทึ่งได้มากมาย เช่น การถ่ายภาพต่อเนื่อง 100 ภาพใน burst mode หรือถ่ายภาพนิ่งในขณะบันทึกวิดีโอ

ราคาและการวางจำหน่าย

Lenovo สมาร์ทโฟน S ซีรี่ย์วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ตัวแทนร้านค้าเลอโนโว สมาร์ทโฟนกว่า 200 ร้านทั่วประเทศ Lenovo S920 ราคา 9,900 บาท Lenovo S820 ราคา 10,090บาท

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ASUS เผยโฉมโน้ตบุ๊กเกมเมอร์ “G750”

ทีมงานวิจัยและพัฒนาด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ของ บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความสำคัญกับทุกกลุ่มผู้บริโภค จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับสาวกคอเกมได้มันส์เต็มสตีม กับตระกูล G Series รุ่น “G750” โน้ตบุ๊กที่เพิ่มอรรถรสสำหรับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น

“เอซุส” โน้ตบุ๊กรุ่น “G750” ตระกูล ROG (Republic of Gamers) ที่เอาใจบรรดาคอเกม ด้วยหน่วยประมวลผล Intel® Core™ i7 เจนเนอเรชันที่ 4 เพื่อการทำงานอย่างถูกต้อง แม่นยำของระบบปฏิบัติการ พร้อมใช้งานแบบมัลติทาสก์และการเล่นมัลติมีเดียอย่างราบรื่น จาก NVIDIA® GeForce® GTX 700MX Series การ์ดจอแยก แถมยังมี Video Memory GDDR5 ความจุสูงสุด 3GB เพื่อการแสดงผลกราฟิกคุณภาพระดับ Full HD



“ASUS G750” โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์อันเฉียบคมและดุดันตามแบบฉบับของโน้ตบุ๊ก ASUS G Series เรืองแสงบนฝาเครื่อง มีระบบระบายความร้อนด้านหลังแบบคู่ที่มีประสิทธิภาพ การทำความเย็นและลดเสียงรบกวนอย่างรวดเร็ว เพื่อเสถียรภาพในการเล่นเกมแม้ภายใต้การใช้งานอย่างเข้มข้น เสมือนขุมพลังระดับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และยังคงพลังเสียง

SonicMaster และ ROG AudioWizard ยูทิลิตี้ เพื่อการปรับแต่งเสียงอย่างยืดหยุ่นที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ตามต้องการ

เหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายร่วมเปิดประสบการณ์ความมันส์ได้แล้ววันนี้!! ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายเอซุส ทั่วประเทศ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซด์ www.asus.co.th และ www.facebook.com/ASUSTHAILAND

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Lenovo IdeaPad Yoga 11

IdeaPad Yoga 11s โน๊ตบุ๊คแบบคอนเวิร์ทิเบิล แบบมัลติโหมดที่เปลี่ยนการใช้งานได้ถึง 4 สไตส์ - แบบโน๊ตบุ๊ค, แท็บแล็ต, ตั้งโต๊ะ (Stand) และแบบเต้นท์สามเหลี่ยม (Tent)

  • แรงด้วยหน่วยประมวลผลจากอินเทล มาพร้อมระบบมัลติทัช สกรีน เสริมการทำงาน Windows 8 และจอแสดงผลเฉียบบนจอ HDIPS

เลอโนโวเปิดตัว IdeaPad Yoga 11s อัลตร้าบุ้กแบบคอนเวิร์ทิเบิล โชว์สไตส์ปรับเปลี่ยนองศาได้รอบทิศ ไซด์มินิ พลังประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมจากหน่วยประมวลผลจากอินเทล ที่ให้คุณไม่ต้องเลือกระหว่างดีไซน์ น้ำหนัก ความแรง รองรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย พร้อมเทคโนโลยีมัลติทัชเสริมการทำงานระบบ Windows 8 อย่างไม่มีสะดุด


ตามมาติดๆหลังจากเปิดตัวอัลตร้าบุ้ก Yoga สองรุ่นแรกไปแล้ว เลอโนโวก็จัด IdeaPad Yoga 11s พลังโปรเซสเซอร์ประมวลผลจากอินเทล และประสิทธิภาพมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 8 ที่ให้ประสิทธิภาพสมบูรณ์แบบเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย เติมเต็มอรรถรสความบันเทิงและการใช้งานโปรแกรม Office บนขอบจอบางเฉียบเพียง 0.68 นิ้ว

นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัวอัลตร้าบุ้ก IdeaPad Yoga 11s จากเลอโนโว แสดงจุดยืนของเลอโนโวในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่มีดีไซน์และประสิทธิภาพที่ตรงต่อความต้องการของผู้ใช้งานสนองความต้องการของผู้ใช้งานทุกจุด โดย Yoga 11s รุ่นล่าสุดที่มาเติมเต็มตระกูล Touch รุ่นใหม่นี้จะเสริมการใช้งานให้ผู้บริโภคคนไทยสามารถครีเอทคอนเท็นต์แบบดิจิตอลได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น รวมถึงดีไซน์เครื่องยังมีขนาดกระทัดรัดจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องออกนอกสถานที่ตลอดเวลา เราเชื่อว่าความเอนกประสงค์ของเครื่องที่สามารถเปลี่ยนจากโน๊ตบุ้คธรรมดาเป็นแท็บเล็ตได้เพียงพริบตาจะถูกใจหลายๆคน”

บางเบาแต่ทรงพลัง
Yoga 11s ถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ถึง 4 สไตส์ตามความเหมาะสมของงานและสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นแบบโน๊ตบุ้ค, แท็บแล็ต, ตั้งโต๊ะ (Stand) และแบบเต้นท์สามเหลี่ยม (Tent) เมื่อต้องการดูหนัง คุณสามารถตั้งเครื่อง Yoga ในแบบ Tent แล้วดื่มด่ำความบันเทิงอย่างเต็มอรรถรสกับระบบเสียงคุณภาพจาก Dolby Home Theater หรือเปลี่ยนไปใช้งานในแบบ Stand เมื่อต้องการแชร์รูปสวยๆจากอัลบั้มรูปภาพให้คนข้างๆดูผ่านจอสัมผัสมัลติทัช ที่รองรับการสัมผัสพร้อมกันสูงสุด 10 จุด บนจอแบบ HDIPS ที่ให้ภาพและสีสันที่คมชัดกว่าจอภาพโน้ตบุ๊คปกติ อีกทั้งเทคโนโลยี Lenovo Motion Control ที่คุณสามารถใช้มือวาดบนอากาศเพื่อเปลี่ยนหน้าหนังสือในโปรแกรมต่างๆ เปลี่ยนเพลง รูปหรือวีดีโอได้ หรือแม้จะใช้งานคียบอร์ดก็ไร้กังวล ด้วยดีไซน์แป้นพิมพ์ของเครื่องออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์จึงตอบสนองทุกสัมผัสของนิ้วขณะพิมพ์เป็นอย่างดี

IdeaPad Yoga 11s มาพร้อมหน้าจอ HD IPS ขนาด 11.6 นิ้ว รองรับระบบสัมผัสสูงสุด 10 จุด และระบบ Motion Control ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนรูป วีดีโอหรือหน้าเอกสารได้เพียงสะบัดมือที่ด้านหน้าของเว็บแคม นอกจากนี้ยังมีระบบ Lenovo Transition สามารถเปิดโหมด Full Screen ในโปรแกรมต่างๆ เมื่อคุณพลิกหน้าจอตามที่กำหนด เช่น เปิดหน้าจอเต็มในโปรแกรมแสดงภาพและเสียงเมื่อคุณตั้งเครื่องแบบ Stand หรือ เสริมการใช้งานโปรแกรม PowerPoint ในแบบเต็มจอแม้จะอยู่ในการใช้งานแบบ Tent,Stand หรือแท็บแล็ต

ดีไซน์รุ่นเล็กอย่าง IdeaPad Yoga 11s ถอดแบบความเก๋มาจาก IdeaPad Yoga 13 อย่างมีสไตส์ ทั้งรายละเอียดผิวเครื่องด้านหน้านุ่มคล้ายยาง ป้องกันรอยขีดขวน และมาพร้อมสีสันสดใส 2 ไตส์ทั้ง สีเทา Silver Grey และสีส้ม Clementine Orange

ราคาและการวางจำหน่าย
IdeaPad Yoga 11s วางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนผลิตภัณฑ์เลอโนโว ในราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ เลอโนโว คอลล์ เซ็นเตอร์ โทร. 02-689-6498 ติดตามข่าวสารล่าสุดและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเลอโนโวได้ที่เว็บไซต์ Lenovo Thailand (http://www.lenovo.com/th/en/)หรือ สมัครได้ที่ Lenovo RSS Feeds (http://news.lenovo.com/) หรือติดตามผ่าน Facebook (http://www.facebook.com/lenovo.lover)

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

GPS GARMIN 2 รุ่น ลงตลาด

GARMIN GDR35 เป็นกล้องสำหรับบันทึกภาพแบบ Stand-alone ไม่ต้องต่อกับเครื่อง Garmin nuvi ใดๆ มี GPS และจอเล็กๆขนาด 2.4 นิ้ว ในตัวเครื่อง มีความละเอียดระดับ HD 1080p เก็บภาพมุมกว้าง 110 องศา สามารถนำไปติดเพื่อบันทึกภาพด้านหน้ารถ ด้านข้าง ด้านหลัง และภายในตัวรถได้โดยอิสระ แต่ต้องต่อสายเข้ากับที่จุดบุหรี่ภายในรถ และหากรถติด Film ที่ Block สัญญาน GPS กรณีนี้อาจต้องติดเสากระจายสัญญานภายในรถเพิ่มเติม รองรับ microSD Card ขนาด 8 – 32 GB. Class 6 ขึ้นไป จำหน่ายในราคา 8,190 บาท

GARMIN GDR30 เป็นกล้องที่ใช้งานร่วมกับ nuvi 2565, nuvi 2575 และ nuvi 3560LM มีความละเอียดระดับ HD 1080p เก็บภาพมุมกว้าง 110 องศา ใช้เพื่อบันทึกภาพทางด้านหน้าของรถ ใช้ไฟ และอ่านค่าพิกัดผ่านทาง nuvi รองรับ micro SD Card ขนาด 8 – 32 GB. Class 6 ขึ้นไป สามารถใช้งานร่วมกับ GBC 30 ได้กรณีต่อใช้งานกับ nuvi 3560LM เท่านั้น จำหน่ายในราคา 5,800 บาท สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://www.gpssociety.com

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

OLYMPUS STYLUS XZ-2 และ XZ-10 นวัตกรรมสุดไฮเทค รุ่นล่าสุดจากซีรีส์ X

บริษัท โอลิมปัส (ประเทศไทย) จำกัด ขอแนะนำสุดยอดคุณภาพกล้อง 2 รุ่นล่าสุดในซีรีส์ X ในขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และบางเฉียบสะดวกต่อการพกพา ได้แก่ OLYMPUS STYLUS XZ-2 ที่มาในโฉมใหม่ ในบอดี้สีขาวเรียบหรู มีสไตล์ กล้องคอมแพ็คตัวแรกของโลกที่ติดตั้งวงแหวนควบคุมไฮบริดมาพร้อมในตัว มีโฟกัสที่ f1.8-2.5 พร้อมด้วย OLYMPUS XZ-10 ที่เพรียบพร้อมด้วยระบบถ่ายภาพความเร็วสูง เลนส์ ออพติคอลซูม i.ZUIKO DIGITAL 5 เท่า คุณภาพสูง พร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลาย อาทิ ฟังก์ชั่น Photo Story ใหม่เพื่อการสร้างสรรค์ภาพในรูปแบบที่โดดเด่น



OLYMPUS STYLUS XZ-2 ในโฉมใหม่ สีขาวเรียบหรู มาพร้อมความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเลนส์ i.ZUIKO DIGITAL โฟกัสที่ f1.8-2.5 ถ่ายขยายได้สูงสุดถึง 4 เท่า สามารถตอบสนองและให้มาตรฐานคุณภาพเช่นเดียวกับเลนส์เปลี่ยนได้ในกล้อง SLR ZUIKO DIGITAL ด้วยความสามารถในการเห็นภาพที่คมชัดและลดภาพและเลนส์สะท้อนในภาพ พร้อมด้วยเทคโนโลยี iHS ซึ่งให้ความไวสูง สัญญาณรบกวนต่ำ และมีการโฟกัสที่มีความเร็วสูง กล้องนี้จะเป็นกล้องที่มอบภาพถ่ายคุณภาพสูงสุดและสวยงามเท่าที่กล้อง Olympus เคยมีมา

นอกจากนั้น OLYMPUS STYLUS XZ-2 ยังถือเป็นตัวแรกของโลกที่ติดตั้งพร้อมแหวนควบคุมไฮบริดที่ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับความรู้สึกของการควบคุมรอบเลนส์และยังสามารถสลับการทำงานระหว่างฟังก์ชั่นได้โดยง่าย พร้อมด้วยระบบออโต้โฟกัสชัตเตอร์แบบสัมผัส หน้าจอ LCD ที่หมุนได้ และอาร์ตฟิลเตอร์ 11 แบบ และ 5 เอฟเฟค ที่มาจาก OLYMPUS PEN ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ภาพที่สวยงามได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมที่จับถอดได้ยังทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ระหว่างสไตล์ที่โฉบเฉี่ยวและสไตล์ที่จับมั่นคง

พบกับ OLYMPUS STYLUS XZ-2 สีขาวเรียบหรู หรือ สีดำคลาสสิค ได้ในราคา 19,990 บาท

สำหรับ OLYMPUS XZ-10 มาพร้อมความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดดเด่นด้วยระบบถ่ายภาพความเร็วสูง เลนส์ออพติคอลซูม i.ZUIKO DIGITAL 5 เท่า และด้วยการรวมเอาเทคโนโลยี iHS ไว้ในกล้องนี้ด้วย ทำให้คุณได้ภาพถ่ายคุณภาพสวย สวยงาม และหนึ่งในรูปแบบการถ่ายภาพด้วยวิธีการเบลอฉากหลังจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพภายใต้สภาวะแสงสลัวได้อย่างสวยงาม พร้อมด้วยชัตเตอร์สัมผัสระบบออโต้โฟกัส (Touch AF Shutter) ที่กล้องมีการทำงานโฟกัส ณ จุดนั้นที่ปลายนิ้วเราสัมผัสบนหน้าจอเพื่อทำการกดชัตเตอร์ทันที เพียงแค่ครั้งเดียวที่เราสัมผัส ช่วยให้การถ่ายภาพสะดวก รวดเร็ว และภาพสวยงาม โฟกัสไม่หลุดไปจากจุดที่เราต้องการ



นอกจากนั้น OLYMPUS XZ-10 ยังโดดเด่นด้วยฟังก์ชัน Photo Story ใหม่ล่าสุด ที่ให้คุณสนุกสนานไปกับการถ่ายภาพ ด้วยการสร้างเรื่องราวให้แก่ภาพถ่ายของคุณ ด้วยการนำภาพถ่าย หรือบรรยากาศ ที่แตกต่าง มารวบรวม และถ่ายทอดออกมาให้อยู่ในภาพ เพียงภาพเดียว เพียงแค่หมุนเลือกโหมดไปที่ Photo Story เพื่อเลือกธีมที่ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น Standard รูปแบบง่ายๆ ด้วยการแบ่งภาพ , Speed การถ่ายภาพแบบต่อเนื่อง, Zoom In /Out การรวมภาพถ่ายระยะใกล้หรือ close-up เข้ากับแอฟเฟคดึงภาพ และ Fun Frame ภายใต้ระบบชัตเตอร์ออโต้โฟกัสแบบสัมผัส พร้อมกันนี้ยังสามารถส่งต่อภาพถ่ายคุณภาพสูงไปยังสมาร์ทโฟนหรือ ด้วยการใช้แอพพลิเคชั่น OI.Share สำหรับ smartphone หรือ Tablet โดยการเชื่อมต่อโดยใช้การ์ด FlashAir ™ 3 ในกล้อง ทำให้คุณสามารถแชร์ภาพถ่ายสวย ๆ ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย

OLYMPUS STYLUS XZ-10 มีให้เลือก 2 สีสวยงามทั้ง ดำ และ ขาว ในราคา 15,990 บาท



สำหรับผู้ที่สนใจสามารถทดสอบประสิทธิภาพนวัตกรรมสุดไฮเทคจากซีรีส์ X ทั้ง 2 รุ่น OLYMPUS STYLUS XZ-2 และ OLYMPUS XZ-10 ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ อาทิ บิ๊กคาเมร่า, พาวเวอร์บาย, เวิลด์คาเมร่า, โฟโต้ฮัท, ไอที ซิตี้, อีสบอนน์ , คิงพาวเวอร์, พาวเวอร์มอลล์, เชียงใหม่สยามทีวี, เจเจขอนแก่น และตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วไป หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ Call Center : 0-2787-8200 หรือ www.olympusimaging-th.com

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Dell เผยโฉม Dell 5460 Ultrabook และ Notebook 14” ที่บางเบาที่สุดในโลก


บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ขอแนะนำโน๊ตบุ๊ครุ่นล่าสุด เดลล์ 5460 (Dell 5460) ที่บางเบา คล่องตัว เติมเต็มไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาและต้องการประสิทธิภาพในการทำงานผสานกับศักยภาพในการตอบสนองด้านเอนเตอร์เทนเมนต์อย่างลงตัว กับเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ากับวัสดุ และดีไซน์ชั้นยอดผลิตจากบลัชอลูมิเนียมเนื้อดี พื้นผิวสัมผัสเนียนลื่น เรียบเท่ห์ด้วยสี Graphite Silver มีน้ำหนักเบาเพียง 1.54 กิโลกรัม และความหนาของตัวเครื่องเพียง 18.3 มิลลิเมตรเท่านั้นทำให้ง่ายต่อการพกพาไปในที่ต่างๆSuperior Performance ผ่านระบบประมวลผลอย่างรวดเร็วเต็มประสิทธิภาพ ด้วยชิฟอัจฉริยะ 3rd Generation Intel® CoreTMi3 และ i5 processor และระบบปฏิบัติการ Window 8 ซึ่งรองรับการทำงานแบบ Multi – Programming ลดทอนการทำงานโปรแกรมหลังบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อลดการทำงานที่ไม่จำเป็นในขณะนั้น ทำให้สามารถ ทำงานไปพร้อมๆ กับการดูหนังเรื่องโปรด ได้อย่างไม่สะดุด สามารถแชร์ผ่าน Social Media ได้อย่างรวดเร็ว เต็มอิ่มทุกความบันเทิงผ่านหน้าจอขนาด 14” คมชัดทุกมุมมองด้วยหน้าจอระบบ HD ผ่านระบบเสียง MaxxVoice Pro ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านเสียงที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบัน ที่มาพร้อมกับ Subwoofer จึงมีเสียงที่คมชัด แม้การติดต่อผ่าน Video Call เพราะมีไมโครโฟนทั้งด้านหน้าและพิเศษที่ฝาหลัง ทั้งยังสามารถระบายความร้อนได้มากกว่าเดิมด้วยระบบ Dual Fan พร้อมการรับประกันถึง 1 เต็มและบริการ On-site Services ด้วยราคาเริ่มต้น 16,590 บาทสามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dell.co.th หรือ https://www.facebook.com/DellThailand และ Instagram “Dellthailand”

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Seagate จัดส่งฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์สำหรับใช้งานวิดีโอ ความจุ 4 TB

ซีเกทจัดส่งฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์สำหรับใช้งานวิดีโอ ความจุ 4 เทราไบต์ รุ่นแรกของอุตสาหกรรม ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ความจุสูงขนาด 3.5 นิ้วสำหรับใช้งานวิดีโอรุ่นใหม่สามารถเก็บข้อมูลที่มีความคมชัดสูงได้นานถึง 480 ชั่วโมง

บริษัทซีเกท เทคโนโลยี (NASDAQ: STX) เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ซีเกท วิดีโอ 3.5 (Seagate Video 3.5 HDD) ซึ่งเป็นฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ขนาด 3.5 นิ้วและมีความจุ 4 เทราไบต์รุ่นแรกของอุตสาหกรรม ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับใช้ในระบบปฏิบัติการวิดีโอ เช่น เครื่องบันทึกวิดีโอดิจิตอล (digital video recorder (DVRs)) กล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ (set-top boxes (STBs)) และระบบกล้องวงจรปิดเพื่อการรักษาความปลอดภัย (surveillance systems) ด้วยการผลิตสำหรับโซลูชั่นวิดีโอ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์วีดีโอ 3.5 สามารถจัดเก็บวิดีโอที่มีความคมชัดสูงได้นาน 480 ชั่วโมง ทำให้ผลิตภัณฑ์รุ่นนี้เป็นไดรฟ์ที่ได้รับการออกแบบพิเศษสำหรับการใช้งานวิดีโอที่มีความจุสูงที่สุดของอุตสาหกรรม

ด้วยการพัฒนาเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพสูงและการทำงานในภารกิจหลัก จำนวน 3 หัวข้อซึ่งมีความสำคัญต่อผู้ผลิตคือ ความจุและศักยภาพในการสตรีมมิ่งวิดีโอสูง ความน่าเชื่อถือและการทำงานที่เงียบ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์วีดีโอ 3.5 เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ให้บริการดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี ตลอดจนผู้สร้างระบบกล้องวงจรปิดเพื่อการรักษาความปลอดภัย ด้วยความจุสูงถึง 4 เทราไบต์ ไดรฟ์รุ่นนี้ซัพพอร์ตการสตรีมมิ่งวิดีโอที่มีความคมชัดสูง จำนวน 16 เรื่องอย่างต่อเนื่องหรือการสตรีมมิ่งวิดีโอที่มีความคมชัดในระดับมาตรฐาน จำนวน 20 เรื่อง เช่นเดียวกับการนำเสนอศักยภาพในการทำงานตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันและตลอด 7 วันในหนึ่งสัปดาห์ ทำให้ผลิตภัณฑ์รุ่นนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับระบบปฏิบัติการข้อมูลวิดีโอ

“ด้วยประสบการณ์ของซีเกทตลอดระยะเวลาอันยาวนานถึง 10 ปี ซึ่งเข้าใจความต้องการของตลาดวิดีโอ เราได้ผสมผสานความรู้ของเราในด้านความร้อน เสียงที่เงียบและการประหยัดพลังงานเพื่อนำเสนอสิ่งที่เราเชื่อว่าจะเป็นไดรฟ์สำหรับเครื่องบันทึกวิดีโอดิจิตอลที่มีความน่าเชื่อถือสูงที่สุดในโลก” นายสก็อต ฮอร์น รองประธานฝ่ายการตลาดของซีเกท (Scott Horn, Seagate vice president of marketing) กล่าว “ความมุ่งมั่นของเราในการจัดส่งไดรฟ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงอย่างไม่มีใครเทียบได้ช่วยสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลของผู้บริโภคจะถูกจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัย เช่นเดียวกับการเก็บข้อมูลในเครื่องบันทึกวิดีโอดิจิตอล กล่องรับสัญญาณโทรทัศน์และระบบกล้องวงจรปิดเพื่อการรักษาความปลอดภัยได้นานขึ้น”

ด้วยความน่าเชื่อถือในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์รุ่นวิดีโอ 3.5 มีอัตราความล้มเหลวในการทำงานต่อปีเพียงร้อยละ 0.55 ทำให้ผลิตภัณฑ์รุ่นนี้ถูกจัดเก็บไว้ในระบบการทำงานภาคสนามได้นานขึ้น ในขณะที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานภาคสนามและ ทำให้มันเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ผลิตซึ่งต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือซึ่งมีอายุขัยในการใช้งานได้นาน

“เราขอแสดงความยินดีกับซีเกทเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดนี้” นายมาร์ค แจ็คสัน ประธานของอีโคสตาร์ เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องบันทึกวิดีโอดิจิตอลชั้นนำสำหรับตลาดดาวเทียมในอเมริกาเหนือ (Mark Jackson of EchoStar Technologies, one of the top DVR manufacturers for the satellite market in North America) กล่าว “ซีเกทเป็นผู้นำในตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์สำหรับใช้งานกับวิดีโอ ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ที่ช่วยให้เรานำเสนอเครื่องบันทึกวิดีโอดิจิตอลที่มีความทันสมัยและมีความน่าเชื่อถือสูงสุดในอุตสาหกรรมไปยังลูกค้า”

ห้องนั่งเล่นต้องการการจัดการเสียงสะท้อนที่ดีที่สุดเพื่อจำกัดเสียงรบกวนระหว่างการทำงานของเครื่องบันทึกวิดีโอดิจิตอลและกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ ซึ่งฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ วิดีโอ 3.5 ทำให้นักออกแบบสามารถพัฒนาระบบความบันเทิงภายในบ้านที่เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยเสียงสะท้อนที่เงียบจนเกือบไม่ได้ยินเลย ไดรฟ์ทำงานด้วยระดับเสียงที่ต่ำกว่าที่หูมนุษย์จะได้ยิน โดยมีเสียงดังเพียง 2.3 เดซิเบล ซึ่งนำเสนอการทำงานที่เงียบที่สุดสำหรับอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงภายในบ้าน ที่มีความสำคัญสำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบปฏิบัติการวิดีโอ

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ASUS เปิดตัว Taichi Ultrabook

บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กลุ่มผลิตภัณฑ์ ซิสเต็มส์ บิสซิเนส ยูนิต ชวนสัมผัสสุดยอดนวัตกรรมที่หรูเลิศและอลังการที่สุดของปี

“เอซุส” แนะนำ “ไทชิ” (Taichi) อัลตร้าบุ๊กรุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยหน้าจอ แบบ 2 ด้าน ขนาด 13.3 นิ้ว ให้ความละเอียดระดับ Full HD สะกดทุกสายตาด้วยพื้นผิวแบบกระจกเงาสีดำมันวาว หรูหรา และนวัตกรรมที่มาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ อย่างครบครัน ผสานคุณสมบัติแท็บเล็ต Windows 8 ขุมพลังจากหน่วยประมวลผล Intel® Core™



ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เอซุสได้ออกแบบให้ไทชิมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและแตกต่างเพียงผู้ใช้ปิดฝาพับลง “ไทชิ” จะแปลงโฉมเป็นแท็บเล็ตที่มีประสิทธิภาพสูง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากหน่วยประมวลผล Intel® Core™ i7 หรือ i5 และ SSD เพื่อความรวดเร็วในการจัดเก็บข้อมูล พร้อมด้วยระบบมัลติทัช 10 จุด เพื่อการใช้งาน Windows 8 อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ

และทันทีที่เปิดฝาพับกางออก “ไทชิ” จะสามารถให้ผู้ใช้เลือกทำงานได้ถึง 3 โหมด เริ่มจาก Notebook Mode ทำหน้าที่เป็นโน้ตบุ๊กที่เปี่ยมด้วยพลังและมุมมองรับชมกว้าง พร้อมคีย์บอร์ดที่มีไฟในตัว และทัชแพดขนาดใหญ่ ตามด้วย Mirror Mode ที่ไม่เหมือนใคร แสดงผลได้ทั้งจอภาพด้านในและด้านนอก เพื่อความสะดวกในการนำเสนองานและแบ่งปันความบันเทิง สำหรับโหมดสุดท้ายเรียกว่า Dual Screen Mode สามารถแยกการทำงานระหว่างจอภาพด้านในและด้านนอกออกจากกันได้อย่างอิสระ

“เอซุส ไทชิ” มาพร้อมกับคุณภาพเสียงระดับ SonicMaster เช่นเคย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี IPS ให้ภาพคมชัด สดใส และมุมมองกว้างถึง 178 องศา พร้อม Dual-band Wi-Fi, Intel® WiDi และ Bluetooth 4.0 เพื่อการเชื่อมต่อแบบไร้สายอย่างเต็มประสิทธิภาพ และพอร์ต USB 3 สองพอร์ต โดยรองรับอุปกรณ์จัดเก็บภายนอกความเร็วสูงและการชาร์จอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว และเทคโนโลยี ASUS Super Hybrid Engine II เพื่อการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานถึงเจ็ดชั่วโมง และฟีเจอร์ท่องเว็บแบบ Wi-Fi ได้อย่างจุใจ

สำหรับแฟนๆ “เอซุส” ไม่ควรพลาด!! ที่จะมาร่วมสัมผัสความอัจฉริยะของอัลตร้าบุ๊กที่ผสมผสานความยืดหยุ่นแห่งแท็บเลตและประสิทธิภาพแห่งโน้ตบุ๊กไว้ในเครื่องเดียว ที่ยังสามารถตอบสนองการทำงานและความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบกับ “ASUS Taichi” ในสไตล์แบบที่คุณเป็น

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

LG นำเสนอจอมอนิเตอร์ 3 รุ่นใหม่



บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (LG) ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีจอมอนิเตอร์ นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์จอมอนิเตอร์รุ่นใหม่ในปี 2556 มุ่งเน้นตอบสนองการใช้งานด้านกราฟฟิคและความบันเทิงอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อม 3 รุ่นไฮไลต์ นำด้วยนวัตกรรมจอมอนิเตอร์ขนาด 29 นิ้วที่มีอัตราส่วนภาพแบบ 21:9 รุ่นแรกของโลก

สำหรับจอมอนิเตอร์ 3 รุ่นไฮไลต์จากแอลจี ได้แก่ จอมอนิเตอร์รุ่น LG IPS Monitor UltraWide ซึ่งเป็นจอมอนิเตอร์ขนาด 29 นิ้วที่มีอัตราส่วนภาพแบบ 21:9 เหมาะสำหรับใช้ทำงานแบบมัลติทาสก์กิ้ง สามารถแบ่งหน้าจอการใช้งานได้ถึง 4 หน้าจอบนจอภาพเดียวกัน และปรับเปลี่ยนลักษณะของหน้าจอได้ถึง 8 รูปแบบตามความต้องการ นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี Dual Link-Up เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ อาทิ คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องเล่นบลูเรย์เข้าสู่จอมอนิเตอร์ พร้อมแสดงภาพของแต่ละอุปกรณ์ได้พร้อมกันถึง 2 อุปกรณ์

LG IPS Monitor ColorPrime จอมอนิเตอร์ขนาด 27 นิ้ว มอบประสิทธิภาพในการสรรสร้างสีสันระดับมืออาชีพ ด้วยความละเอียดภาพแบบ WQHD (2560x1440 พิกเซล) ให้ความสดใสของภาพ สีและความคมชัดมากขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับจอมอนิเตอร์แบบ HD ทั่วไป แสดงเฉดสีในแบบ Adobe RGB color space ได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ แม่นยำกว่าและสมจริงด้วยเทคโนโลยี Hardware Calibration เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าสีที่แสดงบนหน้าจอเป็นสีที่เสมือนภาพจริงมากที่สุด และยังปรับหน้าจอจากแนวนอนเป็นแนวตั้ง เพื่อความสะดวกในการทำงานอันหลากหลายได้อีกด้วย LG IPS Monitor ColorPrime ยังได้รับการรับรองคุณภาพด้วยรางวัล ‘Best Photo Monitor’ ปีล่าสุด (2556) จาก Technical Image Press Association (TIPA) ในฐานะที่เป็นจอมอนิเตอร์ที่ให้ภาพคมชัด แสดงสีได้มากที่สุด และเป็นจอมอนิเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์, ช่างภาพ, และกราฟฟิค ดีไซเนอร์

LG IPS Monitor Touch10 จอมอนิเตอร์ ขนาด 23 นิ้ว รองรับการสัมผัสหน้าจอพร้อมกันถึง 10 จุด เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด มอบภาพสวยคมชัด สีสันสมจริง พร้อมรองรับการใช้งานระบบ Windows 8 และยังสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นระบบสัมผัสต่างๆ ได้อย่างง่ายๆ จากวินโดว์ สโตร์ โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์อื่นๆ เพิ่มเติม พร้อมฟังก์ชั่น Keyboard on-screen และการใช้งานร่วมกับปากกา stylus ทั่วๆ ไปได้อีกด้วยจอมอนิเตอร์ LG IPS Monitor UltraWide ราคา 19,900 บาท, LG IPS Monitor ColorPrime ราคา 26,000 บาท, และ LG IPS Monitor Touch10 ราคา 18,900 บาท มีวางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายของแอลจี ทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ www.lg.com/th และ www.facebook.com/thailandlifesgood หรือติดต่อศูนย์บริการแอลจี โทร 02-878-5757

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

SENNHEISER MOMENTUM หูฟัง เฉียบ เทห์ โทนสีดำ คลาสสิค เสียงดีที่สุด

SENNHEISER MOMENTUM หูฟัง เฉียบ เทห์ โทนสีดำ คลาสสิค เสียงดีที่สุด หูฟังเซนไฮเซอร์ โมเมนตั้ม เป็นรุ่น Flagship ล่าสุดของเซนไฮเซอร์ ได้รับการออกแบบให้ มีความทันสมัย มีรสนิยม ด้วยสีโทนดำ พร้อมวัสดุที่ใช้มีคุณภาพสูงน้ำหนักเบา ขนาดไม่เทอะทะ และคุณภาพเสียงที่ยอดเยื่ยมด้วยเทคโนโลยีหูฟังระดับโลกจากเซนไฮเซอร์



การออกแบบหูฟังของเซนไฮเซอร์ ได้เลือกใช้โทนสีดำ ซึ่งเป็นเทรนล่าสุดของแบรนด์แฟชั่นระดับโลก ช่วยทำให้หูฟังมีสไตล์ที่ดูน่าค้นหา และเลือกสรรวัสดุคุณภาพดี ส่วนที่คาดศีรษะ ทำจากสแตนเลสคุณภาพสูงมีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา สามารถปรับให้กระชับกับรูปศีรษะ ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน สำหรับที่ครอบหูฟัง ทำจากหนังคุณภาพดี ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก และจุดเด่นของงานดีไซน์ คือ การเดินเส้นสีแดง ตัด กับหนังคุณภาพดีสีดำ ทำให้ หูฟังโมเมนตั้ม นี้ สวยคลาสสิค ตั้งแต่แรกเห็น

หูฟัง โมเมนตั้ม ได้นำเทคโนโลยีของหูฟังระดับ High-end เข้ามาใช้ ซึ่งให้เสียงที่ชัดเจน ให้เรนจ์เสียงที่กว้าง สามารถก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ได้ทำให้คนรักเสียงเพลงเพลิดเพลินไปกับหูฟังที่มีการดีไซน์ที่ทันสมัย วัสดุที่เลือกสรร และ คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด เท่าที่ เทคโนโลยีของเซนไฮเซอร์ เคยทำมา

นอกจากนี้ โมเมนตั้ม ยังใช้เป็น สมอล์ทอล์กเพื่อรับโทรศัพท์เมื่อมีคนโทรเข้ามา พร้อมรองรับคำสั่ง ควบคุมการใช้งานด้วยเสียง สำหรับอุปกรณ์ ของไอโฟน หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ศูนย์การค้าชั้นนำ ราคา 15,900 บาท

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

AMD เปิดตัว G-Series SoC

งานแสดงสินค้า DESIGN West – AMD เปิดตัว AMD Embedded G-Series System-on-Chip (SoC) รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นชิปแบบฝังตัว โดยซีพียูใช้สถาปัตยกรรม “Jaguar” และเอเอ็มดีกราฟฟิกการ์ด Radeon™ 8000 Series การเปิดตัวชิปในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ของเอเอ็มดีที่ต้องการจับตลาดอื่นๆที่เติบโตสูงนอกเหนือจากตลาดพีซี โดยเฉพาะตลาดชิปแบบฝังตัว



ระบบฝังตัวนี้มีเริ่มบทบาทขึ้นเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่ทีวีอัจฉริยะ และกล่องแปลงสัญญาณดิจิตอลไปจนถึง ระบบแสดงผลแบบโต้ตอบได้และตู้ประชาสัมพันธ์ สำหรับระบบฝังตัวนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อที่ยิ่งดีขึ้น และคาดว่าจะเป็นไดร์ฟเวอร์ให้กับ Surround Computing อีกด้วย

AMD Embedded G-Series SoC ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ SoC ทำให้ประสิทธิภาพของซีพียูเมื่อเทียบกับเอพียู G-Series ของเอเอ็มดีรุ่นก่อนเพิ่มขึ้น 113% และเมื่อเทียบกับซีพียู Intel Atom 5 จะเร็วขึ้น 125% ชิปรุ่นใหม่นี้รองรับการทำงานบน DirectX® 11.1, OpenGL 4.2x และ OpenCL™ 1.22 ทำให้สามารถประมวลผลแบบขนาน และประมวลผลกราฟฟิกมีประสิทธิภาพสูงได้ ซึ่งทำให้คุณภาพด้านกราฟฟิกดีขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับเอพียู G-Series ของเอเอ็มดีรุ่นก่อน และมีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel Atom 5 ถึง 5 เท่า

“เราได้คิดค้นผลิตภัณฑ์คุณภาพดีในเรื่องของชิป กราฟฟิกการ์ด และสื่อผสม ตลอดจนระบบพื้นฐานในการผลิตชิปแบบฝังตัวอันเหนือชั้นนี้” อรุน เลียนการ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของเอเอ็มดีกล่าว “ด้วยขนาดที่เล็กกว่าเดิม 33% การใช้พลังงานต่ำลงและประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ทำให้ AMD Embedded G-Series SoC รุ่นใหม่นี้ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสื่อผสมและรองรับการทำงานปริมาณมากได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่โปรแกรมแบบเดิมไม่สามารถทำได้ดีเท่า”

AMD Embedded G-Series SoC ได้รวมเอาทรัพยากรสำรองเฉพาะ ที่สามารถมอบประสิทธิภาพการใช้งานอันโด่ดเด่น และทรัพยากรที่ใช้ร่วมกัน เพื่อช่วยลดอัตราการใช้พลังงาน และเพื่อทำให้นักพัฒนามีความยืดหยุ่นจากการใช้ชิปเพียงตัวเดียวในการใช้งานโปรแกรมต่างๆ

AMD Embedded G-Series SOC รองรับทั้ง Windows Embedded 8 และ Linux และได้รับการออกแบบให้ใช้ได้บนโปรแกรมต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงระบบควบคุมอุตสาหกรรม สื่อประชาสัมพันธ์ทางจอดิจิตอล ระบบเกม อิเล็กทรอนิกส์ ระบบจัดเก็บข้อมูลเอสเอ็มบี การออกอากาศโทรทัศน์ผ่านระบบเครื่อข่ายอินเตอร์เน็ต อุปกรณ์การแพทย์ กล่องแปลงสัญญาณดิจิตอลและอื่นๆ อีกมากมาย โดยจะวางจำหน่ายในไตรมาสที่สองนี้

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

BenQ ส่งกล้องดิจิตอล GH Series เอาใจคอถ่ายภาพด้วยระบบ High Performance Optical Zoom Lens

บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด (BenQ) ส่งกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ล่าสุด GH800 เน้นฟังก์ชั่น High Performance Optical Zoom Lens ให้คุณสามารถบันทึกภาพระยะไกลทุกช็อตได้อย่างง่ายดาย กล้องรุ่น GH800 ให้ความละเอียดภาพสูงถึง 18 ล้านพิกเซล ออปติคอลซูมสูงสุดถึง 36เท่า ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของกล้องรุ่นนี้ อีกทั้ง GH800 ยังมาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้วที่สามารถปรับพับได้หลายมุมมอง เพื่อความสะดวกในการถ่ายภาพในพื้นที่จำกัดหรือการถ่ายภาพจากมุมมองใหม่ๆ โดยรุ่น GH800 สามารถบันทึกภาพวีดีโอระบบ Full HD 1080P พร้อมเทคโนโลยี HDR ให้ภาพของคุณสวยทุกสภาวะแสง และลูกเล่นการทำงานอีกหลายฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นระบบ LOMO effect ซึ่งช่วยให้สามารถเปลี่ยนภาพปกติให้เป็นภาพ LOMO ได้ในพริบตา และอีกฟังก์ชั่นคือ ฟังก์ชั่นเลนส์ Fisheye ให้ภาพเป็นมุมกว้างที่มีมิตินูน สร้างสรรค์ภาพให้มีมิติที่สนุกสนานมากขึ้นและระบบอื่นๆที่เพิ่มลูกเล่นอีกมากมาย



กล้องดิจิตอล BenQ GH800 ราคา 9,990 บาท วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ร้าน Photo Hut, ร้าน digital2home และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ www.benq.co.th หรือ โทร 02-670-0310 ต่อ 126



ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท BenQ Corporation บริษัท BenQ Corporation ซึ่งเป็นผู้นำในด้านอุปกรณ์เพื่อไลฟสไตล์แบบยุคดิจิตอล เป็นบริษัทที่มีบริษัทในเครือมากมาย และมีจุดแข็งด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีเพื่อการรับชมภาพ และเทคโนโลยีแบบพกพา BenQ มีผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีมากมายที่ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเทียม โดยผ่านพันธกิจของแบรนด์ คือ “สร้างชีวิตให้สนุกและมีคุณภาพผ่านผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย ได้แก่ เครื่องฉายภาพ, หน้าจอ LCD, คอมพิวเตอร์ PC, แล็ปท็อป, เน็ตบุ๊ค, คอมพิวเตอร์ PC อเนกประสงค์, กล้องดิจิตัล, อุปกรณ์เก็บรักษาข้อมูล, อุปกรณ์อ่าน e-Book, โทรศัพท์มือถือ, สื่อเพื่อเก็บข้อมูล และอุปกรณ์เพื่อการใช้งานอื่น ๆ เช่น เมาส์และคีย์บอร์ด ในปี ค.ศ. 2008 รายรับของบริษัท BenQ Corporation สูงเกิน 1.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ.

ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มบริษัท BenQ Group ในปัจจุบัน กลุ่มบริษัท BenQ Group ประกอบด้วยบริษัทลูก 16 บริษัทที่ดำเนินการด้วยตนเองโดยใช้ทรัพยากรและเจริญเติบโตร่วมกัน บรรดาบริษัทในกลุ่ม BenQ Group ได้แก่ บริษัท BenQ Corporation, บริษัท AU Optronics Corporation (ผู้ผลิตหน้าจอ TFT-LCD ขนาดใหญ่ รายใหญ่อันดับสามของโลก), บริษัท Qisda Corporation, บริษัท Darfon Electronics Corporation, บริษัท Daxon Technology Inc., บริษัท Daxin Materials Corp., บริษัท Forhouse Corp., บริษัท Light House Tech, SiPix Imaging, บริษัท Lextar Electronics Corp. บริษัท BenQ Guru Software Co., โรงพยาบาล BenQ, บริษัท Darwin Precisions, Ltd, บริษัท Raydium Semiconductor Corporation, บริษัท Cando Corporation และบริษัท Wellypower Co., Ltd.

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

“เอซุส” เปิดตัวซาวด์การ์ดสำหรับชาวเกมเมอร์

ASUS” เปิดตัวซาวด์การ์ดสำหรับชาวเกมเมอร์ “ROG Xonar Phoebus Solo 7.1” ยกระดับประสบการณ์เกมให้ถึงขีดสุดด้วยสุดยอดพลังเสียงคมชัดรอบทิศทาง กระหึ่มถึงใจสูงสุด 118 dB SNR พร้อมแอมป์ขับหูฟัง 600 โอห์ม คุณภาพเสียงชัดใสระดับ Extra-Clear สะใจคอเกมทุกรูปแบบด้วย



ASUS” ผู้นำนวัตกรรมแห่งยุคดิจิตอลระดับโลก ประกาศการมาถึงของอีกหนึ่งสุดยอดผลิตภัณฑ์จากตระกูล ROG (Republic of Gamers) กับซาวด์การ์ดรุ่นใหม่ล่าสุด “ROG Xonar Phoebus Solo 7.1 PCI Express” ที่สุดแห่งพลังเสียงเพื่อการเล่นเกม ที่จะช่วยเพิ่มความตื่นเต้น เร้าใจ ให้อรรถรสถึงขีดสุด ราวกับอยู่ในสถานการณ์จริง ให้เกมเมอร์ได้สัมผัสกับประสบการณ์ด้านเสียงที่เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีระดับสูงของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Xonar Phoebus ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอย่างดีในเรื่องของคุณภาพเสียงที่คมชัด มาพร้อมระดับเสียงสุดกระหึ่มถึง 118 เดซิเบลล์ ในอัตราส่วน Signal-to-Noise Ratio หรือ SNR พ่วงมากับแอมป์ขับหูฟังขนาด 600 โอห์ม ระบบเสียง Dolby Home Theater V4, และระบบ DTS™ UltraPC II Surround Sound

ดีไซน์อันพิถีพิถันเพื่อคุณภาพเสียงที่เหนือกว่า ซาวด์การ์ด ROG Xonar Phoebus Solo มาพร้อมฝาครอบป้องกันแบบ EMI ใช้เทคโนโลยี ASUS Hyper Grounding ลิขสิทธิ์เฉพาะจากเอซุสที่ช่วยลดผลกระทบจากการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี ASUS Hyper Grounding นี้เป็นการต่อยอดมาจากการออกแบบมาเธอร์บอร์ดของเอซุสมาสู่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มออดิโอ โดยใช้แผ่น PCB ที่ประกอบขึ้นแบบหลายชั้น (Multi-layer PCB) และระบบกระจายพลังงานที่มีความเสถียรสูงสุด ช่วยลดเสียงรบกวนจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ที่เป็นส่วนประกอบของพีซี ช่วยสร้างคุณภาพเสียงที่กระหึ่ม ชัดใส ไร้ความผิดเพี้ยน และเมื่อจับคู่ซาวด์การ์ดรุ่นนี้เข้ากับเครื่องแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอะนาล็อกรุ่น PCM1796 จะช่วยเร่งประสิทธิภาพของ ROG Xonar Phoebus Solo ให้ทำงานได้อย่างเต็มสมรรถนะถึงขีดสุด โดยให้ระดับเสียงสุดกระหึ่มได้ถึง 118 เดซิเบลล์ ในอัตราส่วน Signal-to-Noise Ratio หรือ SNR ซึ่งหมายความว่าเหล่าเกมเมอร์จะสามารถได้ยินทุกรายละเอียดเสียงในเกม และสัมผัสกับประสบการณ์ด้านเสียงในรูปแบบใหม่ไปอีกขั้น

สุดยอดพลังเสียงสำหรับผู้ใช้หูฟังในการเล่นเกม เกมเมอร์หลายคนอาจชอบสวมหูฟังเวลาเล่นเกมโปรด เพื่อป้องกันเสียงรบกวนไปสู่ผู้อื่น และสำหรับ ROG Xonar Phoebus Solo เป็นหนึ่งในซาวด์การ์ดเพียงไม่กี่รุ่นในท้องตลาดที่ใช้เทคโนโลยีแอมป์ TPA6120A2 ระดับสูงสุดที่มีค่าความต้านทานต่อไฟฟ้ากระแสสลับถึง 600 โอห์ม ผลลัพธ์คือขีดสุดแห่งความคมชัดของเสียงในระดับ Extra-Clear นอกจากนี้ ROG Xonar Phoebus Solo ยังมาพร้อมระบบเซอร์ราวนด์ซาวด์คุณภาพ Dolby Home Theater V4 เทียบเท่ากับการรับฟังในโรงภาพยนตร์ สำหรับทั้งการกระจายเสียงผ่านลำโพงแบบเอ็กซ์เทอร์นอล และผ่านหูฟัง อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี DTS UltraPC II ใหม่เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพเสียงที่ได้จะมีความคมชัดและดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะใช้แอ็พพลิเคชั่นใดก็ตามบนเครื่องเดสก์ท็อปพีซี อาทิ การเล่นเกม การชมภาพยนตร์ ไปจนถึงการโทรศัพท์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต

กำหนดค่าสำหรับโปรไฟล์เสียงส่วนตัว ได้อย่างง่ายดาย พร้อม Xonar Phoebus Driver Update ด้วยความสามารถในการกำหนดค่าเสียงเฉพาะสำหรับเกมแต่ละเกม ในแบบ Gengre-Optimized ช่วยให้เกมเมอร์กำหนดโหมดการใช้งานที่เหมาะสมเข้ากับเกมที่ตนเองโปรดปรานได้อย่างง่ายดาย อาทิ โปรไฟล์สำหรับเกมยิง (FPS), เกมวางแผนการรบแบบเรียลไทม์, เกมบทบาทสมมติ หรือ Role Play และเกมแข่งขันความเร็วต่างๆ ซึ่งหมายความว่า เกมเมอร์จะสามารถสนุกเพลิดเพลินไปกับคุณภาพเสียงที่ให้อรรถรสเข้ากับรูปแบบเกมที่กำลังเล่นอยู่และสำหรับสาวกของ ROG Xonar Phoebus ที่มีผลิตภัณฑ์ซาวด์การ์ดรุ่นเดิมอยู่แล้ว สามารถอัพเกรด Gengre-Optimized ของโปรไฟล์เกมใหม่ๆ รวมถึงระบบเสียง DTS UltraPC II Suite ได้ทันทีผ่านทาง Phoebus Driver Update

พบกับสุดยอดซาวด์การ์ด ROG Xonar Phoebus Solo 7.1 PCI Express จากเอซุสได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.asus.co.th หรือพูดคุยผ่านทาง Facebook.com/ASUS.DIY

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เปิดเทอมใหม่ไม่มีเบื่อกับ Lenovo

เตรียมตัวช้อปสนุกต้อนรับเปิดเทอม บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด ยกทัพคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบออล-อิน-วัล อัลตร้าบุ้คและ โน๊ตบุ้ก โดดเด่นหลากสไตส์ทั้งดีไซน์และขนาดให้เลือกสรรมากมาย โดยมุมราคาประหยัด เลอโนโวจัดคอมพิวเตอร์ออล-อิน-วัล C340 มาพร้อมโปรโมชั่นให้คุณเป็นเจ้าของกันในราคาเริ่มต้นเพียง 10,990 บาท หรือโน๊ตบุ้ก G480 ในราคาเริ่มต้นเพียง 10,490 บาท ใครเน้นจอภาพ 3มิติ ขอแนะนำ IdeaCentre B340 3D ในราคาพิเศษ 26,990 บาท รับฟรีลำโพง C1530 หรือใครมองหาคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่มีระบบมัลติทัช 10 จุด ขาตั้งสามารถปรับมุมได้ตั้งแต่ -5 ถึง 90 องศา แนะนำ IdeaCentre A520 ในราคาพิเศษ 38,990 บาท พร้อมรับฟรีลำโพง C1530 2.1 มูลค่า 1490 บาท นอกจากนี้ ใครเน้นทันสมัยและใช้ระบบสัมผัสเป็นชีวิตจิตใจ สัมผัสเลอโนโวรุ่นใหม่ล่าสุด อาทิ โน๊ตบุ้ก IdeaPad U410T ดีไซน์บางเบา พกพาสะดวก ในราคา 22,990 บาท โน๊ตบุ้ก IdeaPad Z400T ที่มาพร้อมดีไซน์สีสันสดใส ให้คุณจับจองได้ราคา 26,990 บาท



พร้อมเติมเต็มพลังกับอุปกรณ์เสริมจากเลอโนโวนำมาลดพิเศษสูงสุด 30% อาทิ เม้าท์ไร้สาย N3903 ในราคาสุดพิเศษจาก 699 บาท เหลือราคาสุทธิพียง 490 บาท และ หูฟัง P950 ราคาปกติ 999 บาท เหลือเพียง 799 บาท เท่านั้น


โปรโมชั่น Back to School เริ่มตั้งแต่ วันนี้ – 19 มิถุนายน 2556 ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เลอโนโว หรือ โทร. 02- 689- 6451 หรือรายละเอียดที่เว็ปไซต์เลอโนโว (www.lenovo.com/th), สมัคร Lenovo RSS feeds (http://news.lenovo.com) หรือติดตามข้อมูลผ่าน Facebook (www.facebook.com/lenovo.lover)

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ASUS ส่งกราฟฟิกส์การ์ด 2 รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย NVIDIA

ให้สาวก D.I.Y เลือกได้ตามสไตล์ที่โปรดปรานกับ “GeForce GTX 650 Ti BOOST DirectCU II” ทรงพลังเต็มพิกัดด้วยรอบโอเวอร์คล็อกสูงถึง 1,085 เมกกะเฮิร์ทซ์ และ “GeForce GTX 670 DirectCU Mini” การ์ดจอฉบับมินิแต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพสำหรับพีซีที่ใช้มาเธอร์บอร์ดไซส์ Mini ITX /Micro ATX

ASUS” ผู้ผลิตมาเธอร์บอร์ดที่มียอดขายและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลกประกาศเปิดตัวสุดยอดกราฟฟิกส์การ์ดใหม่ล่าสุด 2 รุ่นจาก NVIDIA “GeForce GTX 650 Ti BOOST DirectCU II” ที่มาพร้อมความสามารถในการโอเวอร์คล็อกอย่างพร้อมสรรพ์ด้วยความเร็ว GPU สูงสุดที่ 1,085 เมกกะเฮิร์ทซ์ พร้อมหน่วยความจำขนาด 2GB แบบ GDDR5 บนอินเตอร์เฟซความเร็ว 192 บิต และ “GeForce GTX 670 DirectCU Mini” กราฟฟิกส์การ์ดที่ถูกย่อขนาดลงแต่ยังให้ประสิทธิภาพสูง โดยได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษให้ใส่เข้ากับพีซีที่ใช้มาเธอร์บอร์ดขนาด Mini ITX และ Micro ATX ได้อย่างลงตัว โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วย DirectCU II ที่มีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมเหนือชั้น สามารถทำงานได้เงียบ ทนทาน ให้คอเกมเลือกใช้ได้ตามสไตล์การประกอบพีซีแบบ D.I.Y อย่างมีอิสระภายใต้งบประมาณที่เหมาะสม

GeForce GTX 650 Ti BOOST DirectCU II” – กราฟฟิกส์การ์ดเพื่อคอเกมขา D.I.Y


GTX 650 Ti BOOST DirectCU II มาพร้อมความแรงด้วยการโอเวอร์คล็อกจากโรงงานที่ 1,085 เมกกะเฮิร์ทซ์ และใช้หน่วยความจำขนาด 2GB แบบ GDDR5 บนอินเตอร์เฟซความเร็ว 192 บิต ให้ประสิทธิภาพแรงจัด พร้อมรองรับระบบ DirectX 11.1 ให้คอเกมและขา D.I.Y สามารถจูนและปรับแต่งค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยฟีเจอร์พิเศษ GTX 650 Ti BOOST DirectCU II จากเอซุส ซึ่งประกอบด้วยระบบทำความเย็น DirectCU II Cooler ช่วยรักษาอุณหภูมิให้เย็นกว่าการ์ดรุ่น GTX 650 Ti BOOST แบบปกติถึง 20% พร้อมด้วยวัสดุทนทานระดับ Super Alloy Power ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า และยูทิลิตี้ GPU Tweak สำหรับการจูนค่าต่างๆ ที่ใช้งานง่าย

Direct CU II ช่วยรีดสปีดให้แรงจัด แต่คงความเงียบและเย็นอย่างเหนือชั้น

ด้วยการออกแบบโครงสร้างเพื่อการระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพของเอซุส ช่วยสร้างความเสถียรให้การเล่นเกมในระดับไฮเอ็นด์ ด้วยท่อระบายความร้อนพิเศษที่ทำจากทองแดงทั้งหมดและมีหน้าสัมผัสโดยตรงกับ GPU ส่งผลให้สามารถรักษาระดับอุณภูมิภายในได้เย็นขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับการ์ดจอปกติในรุ่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีพัดลมระบายอากาศขนาด 80 มิลลิเมตรที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยมีใบพัดที่ใช้หลักการด้านวิศวกรรมในการออกแบบให้สามารถลดแรงฉุด ทำให้ช่วยลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนจากพัดลมอย่างมีประสิทธิภาพอีกทั้งยังทำงานผสานกับระบบ DirectCU II Cooler ได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อเปรียบเทียบกับการ์ดปกติในรุ่นเดียวกันแล้ว ASUS GeForce GTX 650 Ti BOOST DirectCU II สามารถทำงานได้เงียบกว่าถึง 3 เท่า*

วัสดุระดับ Super Alloy Power – ให้เสถียรภาพที่วางใจได้สำหรับการโอเวอร์คล็อกแบบสมบุกสมบัน เอซุสใช้วัสดุเกรดคุณภาพสูงสำหรับตัวกราฟฟิกส์การ์ดเพื่อรองรับอุณหภูมิสูง จากการใช้งานและโอเวอร์คล็อกอย่างสมบุกสมบัน ช่วยยืดอายุของผลิตภัณฑ์ให้ยาวนานยิ่งกว่า และยังใช้วัสดุชั้นเยี่ยมในส่วนของ โซลิทคาปาซิเตอร์ โช้คที่มีแกนกลางทำจากคอนกรีต และ MOSFETs ที่แข็งแกร่ง ให้ความคงทนและยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นถึง 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับการ์ดรุ่นปกติ นอกจากนี้ยังช่วยให้โอเวอร์คล็อกได้ไกลยิ่งขึ้นอีกประมาณ 15% เมื่อเทียบกับการ์ดแบบปกติรุ่นเดียวกัน

ยูทิลิตี้ GPU Tweak ให้เหล่าเกมเมอร์เข้าถึงการจูนค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วย ยูทิลิตี้ GPU Tweak ลิขสิทธิ์เฉพาะจากเอซุส คอเกมสามารถจูนและปรับแต่งค่าต่างๆ ผ่านอินเตอร์เฟซที่ใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนฟีเจอร์หรือตั้งค่าคุณสมบัติด้านกราฟฟิกส์ต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างใจสั่ง ทั้งความเร็ว Core ความเร็วนาฬิกา ค่าโวลท์ ความเร็วพัดลม และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถสร้างโพรไฟล์สำหรับตั้งค่าเกมต่างๆ ในแบบเฉพาะได้ ช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะคู่ต่อสู้ หรือทำลายสถิติได้มากขึ้น

GeForce GTX 670 DirectCU Mini” – กราฟฟิกส์การ์ดรุ่นจิ๋ว แต่พ่วงความสามารถแบบไม่จิ๋ว


กราฟฟิกส์การ์ดฉบับกะทัดรัดที่ให้ประสิทธิภาพสูง ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อการประหยัดเนื้อที่บนพีซีที่ใช้มาเธอร์บอร์ดขนาด Mini ITX และ Micro ATX ใช้พื้นที่ติดตั้ง 2 สล็อต กับความยาวเพียง 17 ซม. ซึ่งสล็อตของการ์ดรุ่นปกตินั้นมีขนาดถึง 24.13 ซม. ด้วยความกระทัดรัดและสะดวกต่อการประกอบนี้เอง ส่งผลให้ GTX 670 DirectCU Mini เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคอเกมและผู้ใช้ทั่วไป ช่วยให้การเดินสายไฟภายในเคสทำได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังนำมาประกอบเป็นโฮมเธียเตอร์พีซี (HTPC) แบบ D.I.Y เพื่อการใช้งานด้านบันเทิงมัลติมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟฟิกส์ที่คมชัด มาพร้อมระบบระบายอากาศแบบ DirectCU Thermal Design ที่ผสานการทำงานระหว่างหอระบายความร้อนแบบไอระเหย (Heat-spreading vapor chamber) เข้ากับพัดลมแบบ CoolTech Fan ช่วยสร้างการระบายอากาศในวงกว้างและรักษาความเย็นให้ภาพกราฟฟิกส์และอุปกรณ์ต่างๆ มีความเสถียรสูงสุด

ระบบระบายความร้อนแบบ DirectCU และพัดลมระบายอากาศแบบ CoolTech Fan ด้วยความสามารถในการรักษาอุณหภูมิจากระบบ DirectCU Cooler ผสานกับการใช้ท่อทองแดงระบายความร้อนที่อยู่ติดกับส่วนบนของ GPU โดยตรง หรือ Heat-spreading vapor chamber ทำให้เอซุสมีระบบสร้างความเย็นแบบใหม่ที่ช่วยกระจายความร้อนและลดอุณหภูมิลงได้กว่า 20% (หรือประมาณ 7.5 องศาเซลเซียส) เมื่อเทียบกับการ์ด GTX670 รุ่นปกติ นอกจากนี้ ยังใช้พัดลมแบบ CoolTech Fan ที่ใช้ทั้งระบบแกนหมุนและลมเป่า ช่วยสร้างการระบายอากาศในวงกว้าง ให้ความเย็นและช่วยระบายความร้อนผ่านออกไปจากตัวการ์ดจากทางด้านหลังและด้านบน อีกทั้งยังให้การทำงานที่เงียบยิ่งขึ้นถึง 3 เท่าภายในพื้นที่จำกัด

วัสดุ Super Alloy Power เพื่อเสถียรภาพและความคงทนที่เหนือกว่า ด้วยความได้เปรียบจากขนาดของตัวการ์ดจอที่เล็กกระทัดรัด ASUS GeForce GTX 670 DirectCU Mini ใช้เทคโนโลยี Direct Power ที่ช่วยประสานการส่งกำลังจากส่วนประกอบต่างๆ กับ GPU เพื่อผลลัพธ์ที่มีเสถียรภาพในการกระจายพลังงาน สร้างความต้านทานต่อไฟฟ้าสลับต่ำลงถึง 56% และช่วยให้แผ่น PCB เย็นขึ้นถึง 15% ด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยมระดับ Super Alloy Power ในส่วนของ โซลิทคาปาซิเตอร์ โช้ค และ MOSFETs ช่วยให้ความคงทนและยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นถึง 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของการ์ดจอทั่วๆ ไป

GPU Tweak ยูทิลิตี้ที่ให้การจูนนิ่งที่ง่ายและแม่นยำ ยูทิลิตี้ GPU Tweak ลิขสิทธิ์เฉพาะจากเอซุส มีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนฟีเจอร์หรือตั้งค่าคุณสมบัติด้านกราฟฟิกส์ต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วตามต้องการ ทั้งเปลี่ยนค่าความเร็ว Core ตั้งความเร็วนาฬิกา เช็ทค่าโวลท์ ความเร็วพัดลม หรือค่าการจ่ายพลังงาน ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถสร้างโพรไฟล์สำหรับตั้งค่าเกมต่างๆ ในแบบเฉพาะได้ ช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะคู่ต่อสู้ หรือทำลายสถิติได้มากขึ้น

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

มาแล้ว! Enterprise Hard Drive WD XE แบบ SAS

มาแล้ว! เอ็นเตอร์ไพร์ซ ฮาร์ดไดรฟ์ WD XE™ แบบ SAS ฮาร์ดไดรฟ์ 2.5 นิ้วล่าสุดในอะแดปเตอร์ไซส์ 3.5 นิ้ว มอบความยืดหยุ่นระดับสูง สำหรับระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเก่าของดาต้าเซ็นเตอร์



WD® บริษัทในเครือของเวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์เปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูล วันนี้เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ WD XE™ แบบ SAS ขนาด 2.5 นิ้ว ให้ความเร็วในการหมุนรอบจานที่ 10,000 รอบต่อนาที ใส่มาในตัวอะแดปเตอร์แปลงของ WD ขนาด 3.5 นิ้ว สามารถนำไปใส่ในระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเดิมของศูนย์ข้อมูลที่ปกติแล้วใช้ฮาร์ดดิสก์ SAS ขนาด 3.5 นิ้ว พร้อมมอบประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในฮาร์ดดิสก์ระดับเดียวกันนี้ กินไฟต่ำ พร้อมกับความง่ายดายในการอัพเกรดเข้ากับระบบจัดเก็บข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วแบบเดิมที่มีอยู่

ขณะที่ความต้องการใช้งานฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วประสิทธิภาพสูงสำหรับองค์กรอยู่ในระดับต่ำ แต่ฮาร์ดดิสก์แบบนี้ก็ยังคงมีความจำเป็นสำหรับอุปกรณ์ทางเลือกในการจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูง ในฐานะที่เป็นโซลูชันในการเปลี่ยนถ่ายสำหรับระบบเดิม ฮาร์ดดิสก์ WD XE รุ่นนี้นำเสนอประสิทธิภาพในการถ่ายโอนข้อมูลอย่างต่อเนื่องที่ดีที่สุดสำหรับฮาร์ดดิสก์ในระดับเดียวกัน และสามารถอัพเกรดได้อย่างสบายๆ สำหรับศูนย์ข้อมูลที่ต้องการย้ายจากฮาร์ดดิสก์แบบเดิมๆ ที่ใกล้หมดยุคแล้ว

ริช รูทัลเลดจ์ รองประธานอาวุโสของหน่วยธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ของ WD กล่าวแสดงความเห็นว่า “ด้วยความจุที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 50% ให้ประสิทธิภาพในการถ่ายโอนข้อมูลอย่างต่อเนื่องสูงสุดในระดับที่ใกล้เคียงกับของเดิมหรือดีกว่า ความน่าเชื่อถือในระดับที่สูงขึ้น และกินไฟน้อยลงสูงสุดถึง 67% เทียบกับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วแบบเดิมที่มีความเร็วรอบในการหมุนจานที่ 15,000 รอบต่อนาทีแล้ว ฮาร์ดดิสก์ WD XE รุ่นใหม่นี้คือคำตอบสำหรับเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูลและระบบจัดเก็บข้อมูลที่ต้องการกลยุทธ์ในการเปลี่ยนถ่าย” พร้อมเสริมว่า “ตอนนี้ ผู้จัดการด้านไอทีสามารถวางแผนการย้ายไปใช้ฮาร์ดดิสก์ของ WD ประสิทธิภาพสูงรุ่นล่าสุดสำหรับองค์กรได้โดยไม่ต้องกังวลใจ และขณะเดียวกันก็ยังสามารถรักษาโครงฮาร์ดดิสก์ตัวเดิมและการลงทุนในระบบไว้ได้ตามเดิม”

คุณสมบัติของฮาร์ดดิสก์ WD XE แบบ SAS ขนาด 2.5 นิ้วที่ใส่มาในตัวแปลงขนาด 3.5 นิ้ว ได้แก่:


  • ประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับฮาร์ดดิสก์ในระดับเดียวกัน - ฮาร์ดดิสก์ WD XE มีอัตรการถ่ายโอนที่เร็วมากเป็นพิเศษที่ 6 Gb/วินาที อัตราถ่ายโอนข้อมูลแบบต่อเนื่องที่ดีที่สุดสำหรับฮาร์ดดิสก์ในระดับเดียวกันที่ 204 MB/วินาที และความเร็วในการสุ่มบันทึกข้อมูลทั้งอ่าน/เขียนที่โดดเด่นเหนือชั้น
  • กินไฟน้อย – ฮาร์ดดิสก์แบบ SAS ขนาด 2.5 นิ้ว ใช้พลังงานน้อยลงสูงสุดถึง 67% เมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ SAS 3.5 นิ้วแบบเดิมที่มีความเร็วในการหมุนรอบจานที่ 15,000 รอบต่อนาที จึงช่วยลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ได้เป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ยังมีความจุและให้ความน่าเชื่อถือที่มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
  • รูปทรงขนาดเล็ก – ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้วใส่ในตัวแปลงขนาด 3.5 นิ้ว ทำให้อัพเกรดง่ายขึ้น และระบายความร้อนได้มากเป็นพิเศษ
  • ดูอัลพอร์ตและการเชื่อมต่อแบบฟูลดูเพล็กซ์ – มอบความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และความพร้อมใช้ของข้อมูลในระดับที่สูงกว่า ด้วยการกำจัดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ออกแบบขึ้นสำหรับระบบศูนย์ข้อมูลที่พร้อมใช้งานในระดับสูง
  • NoTouch™ เทคโนโลยีสำหรับพักหัวเข็ม - หัวบันทึกข้อมูลจะไม่สัมผัสโดนผิวหน้าของตัวดิสก์ จึงมั่นใจได้ว่าปริมาณการสึกหรอของหัวบันทึกและผิวหน้าดิสก์จะลดลงอย่างมาก และยังช่วยปกป้องตัวไดรฟ์ในระหว่างการขนส่งได้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
  • ระดับความน่าเชื่อถือที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม – ค่าเวลาเฉลี่ยระหว่างการเสียหาย (MTBF) สูงถึง 2 ล้านชั่วโมง
ราคาและการวางจำหน่าย WD XE SAS เอ็นเตอร์ไพร์ซ ฮาร์ดไดรฟ์ที่ใส่มาในตัวอะแดปเตอร์แปลงขนาด 3.5 นิ้ว นำเสนอความจุ 300GB-900GB (models: WD3001HKHG, WD6001HKHG และ WD9001HKHG); จะพร้อมวางจำหน่าย ผ่านตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้ง ราคาแนะนำสำหรับผู้ผลิตอยู่ระหว่าง 7,690 ถึง 19,990 บาท

สินค้ารับประกันนานห้าปีเต็ม ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://wd.com/en/products/products.aspx?id=10 สำหรับหน้าเฟซบุ๊คแฟนเพจ WD ในประเทศไทย คลิก http://www.facebook.com/wdcthailand

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Samsung ส่ง Galaxy S4 รับ 3G ยึดผู้นำสมาร์ทโฟน

ซัมซุง” เตรียมทำตลาดเต็มรูปแบบ 360 องศา หลังได้ฤกษ์เปิดสมาร์ทโฟน “กาแล็คซี่ เอส 4” รับโอกาสเปิด 3 จี มั่นใจผลตอบรับดีกว่ารุ่นก่อน

นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ซัมซุงประเทศไทยพร้อมวางจำหน่าย “กาแล็คซี่ เอส 4” (Samsung Galaxy S4) สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงแห่งปีทั่วประเทศแล้ว จากนี้เตรียมใช้กลยุทธ์การทำตลาดแบบเข้มข้น 360 องศาเพื่อทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุดในทุกๆ ช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์



กาแล็คซี่ เอส 4 (Samsung Galaxy S4) มาพร้อมแนวคิดโทรศัพท์มือถือที่เป็นทุกอย่างสำหรับการใช้ชีวิต นอกจากสเปคเครื่องระดับไฮเอนด์ ฟีเจอร์การใช้งาน 4 อย่างคือ ระบบการสั่งการไร้สัมผัส (Air Gesture) ถ่ายภาพแอนิเมชั่น (Animation Photo) เล่นเพลงแบบกลุ่ม (Group Play) และถ่ายภาพกล้องหน้าและหลังในเวลาเดียวกัน (Dual Camera) ราคา 21,900 บาท มีให้เลือก 2 สีขาว และดำ

“คนไทยนับว่าใหม่อยู่มากสำหรับสมาร์ทโฟน การใช้งานอย่างเต็มรูปแบบจริงๆ ก็มีน้อย ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายของกาแล็คซี่เอส 4 คือทุกคนที่สนใจใช้งานสมาร์ทโฟนและคนที่สนใจในแอนดรอยด์ซึ่งกลายเป็นระบบปฏิบัติการหลักไปแล้ว สำหรับจำนวนเครื่องที่นำเข้ามาช่วงแรกนี้พิจารณาตามความต้องการของตลาด หากไม่พอจะนำเข้ามาเพิ่มอีก” นายวิชัย เผย

ข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกระบุว่า การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตผ่านโมบายแซงหน้าเดสก์ท็อปไปแล้ว หมายความว่าคนใช้ชีวิตโมบิลิตี้มากขึ้น ตลาดไทยนิยมใช้โซเชียล เน็ตเวิร์คสูงมาก จึงเป็นโอกาสขยายตลาดที่ดีกับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั้งเป็นไปได้ว่าลูกค้าบางรายที่เคยใช้สมาร์ทโฟนแล้ว ต้องการใช้งานมากกว่า 1 เครื่อง

เขาระบุด้วยว่า บริการ 3 จีที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการส่งผลดีต่อกระแสของตลาด แต่ต้องช่วยกันผลักดันต่ออีกเพื่อกระตุ้นให้ภาพรวมเติบโตมากขึ้น ขณะนี้ตลาดเคลื่อนไหวและเปิดตัวสินค้าใหม่เร็วมาก หากผู้บริโภคจำนวนมากกลัวการใช้เทคโนโลยีซึ่งบริษัทต้องพยายามศึกษาพฤติกรรมเพื่อนำเสนอสินค้าให้ตรงความต้องการมากที่สุด



นายสิทธิโชค นพชินบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม กล่าวเสริมว่า เตรียมขยายศูนย์บริการหลังการขายจากเดิม 20 กว่าแห่ง เป็น 45 แห่งภายในสิ้นปีนี้ รองรับธุรกิจที่เติบโตก้าวกระโดด และเพิ่มงบลงทุนทำตลาดโดยเน้นช่องทางออนไลน์ อีเวนท์ขนาดใหญ่ และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้เครื่องก่อนตัดสินใจซื้อ

นอกจากนี้ เตรียมขยายฐานไปสู่ตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เปลี่ยนจากระบบ 2จีไปเป็น 3จี กลุ่มที่สนใจเครื่องที่มีขนาดหน้าจอไม่เหมือนกัน และกลุ่มผู้ใหญ่ที่สนใจใช้งานสมาร์ทโฟน โดยจะทำตลาดเชิงลึกมากขึ้น

ทั้งนี้้ ซัมซุงครองตำแหน่งผู้นำตลาดมือถือไทยและมีช่องว่างกับอันดับที่ 2 ชัดเจน ดังนั้นก้าวต่อไปจะพยายามทำให้การใช้งานมือถือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของลูกค้ามากขึ้นทั้งการติดต่อสื่อสาร และพัฒนาคุณภาพชีวิต ไม่ใช่แค่การแชท

ข้อมูลซัมซุงระบุว่า กาแล็คซี่ เอส ที่เปิดตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อนมียอดขายทั่วโลก 20 ล้านเครื่อง กาแล็คซี่ เอส2 มี 28 ล้านเครื่อง และกาแล็คซี่ เอส3 มากกว่า 50 ล้านเครื่อง ซึ่งมั่นใจว่า Samsung Galaxy S4 จะรับได้ผลตอบรับไม่น้อยกว่า

ขณะที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 ราย ต่างยืนยันความพร้อมขาย และจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับเครื่องรุ่นใหม่นี้

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Fujitsu ScanSnap iX500

แวลลูฯ นำเสนอ “Fujitsu ScanSnap iX500” สแกนเนอร์ที่จะทำให้งานเอกสารของคุณเป็นเรื่องง่ายและสแกนได้จากทุกที่ทุกเวลา เพราะสามารถสแกนและเซฟเอกสารไว้ใน Mac พีซี แอนดรอยด์และไอโอเอส (iOS) รองรับการส่งเอกสารไฟยังคลาวด์คอมพิวติง การจัดการเอกสารให้ง่ายขึ้นด้วย Rack2-Filer Smart V1.0 และ Magic Desktop V1.0 และการประมวลผลภาพคุณภาพสูงด้วย “GI” แถมดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน ScanSnap Connect Application ฟรี ! เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดเทคโนโลยีใหม่ที่รองรับไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างลงตัว

สแกนได้ฉับไวส่งต่อยังสมาร์ทโฟนได้ทันที ลืมการแสกนแบบเดิมไปได้เลย เพราะด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่แวลลูฯ ต้องขอแนะนำ Fujitsu ScanSnap iX500 สามารถเชื่อมการสแกนเอกสารในไฟล์ยอดฮิตอย่าง PDF และ JPEG ไปยังสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งรองรับทุกระบบปฏิบัติการไม่ว่าจะเป็น ไอโอเอส (iOS) แอนดรอยด์หรือแท็บเล็ต ช่วยลดระยะเวลาและทำให้การทำงานของคุณง่ายขึ้นด้วย



สุดยอดนวัตกรรมการประมวลภาพคุณภาพสูง “GI” มั่นใจได้กับประสิทธิภาพของรูปภาพ เพราะ Fujitsu ScanSnap iX500 มีการสร้างระบบประมวลภาพ “GI” ไว้ภายใน ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดสูง อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อไม่ว่าจะเป็น WI-FI, Wireless LAN (IEEE802.11b/g/n) และ USB 3.0 อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่สอดคล้องกับทุกสไตล์การใช้งาน ครบเครื่องเรื่องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ทันสมัย

กระดาษติดเครื่องน้อยลง พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเอกสารซ้อนแผ่น Fujitsu ScanSnap iX500 ใช้กระบวนการแยกเอกสารประสิทธิภาพสูงด้วยเบรกโรลเลอร์ (Brake Rollers) และมาพร้อมกับคุณสมบัติที่สามารถป้อนกระดาษได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมีถาดเอกสารที่รองรับได้มากถึง 50 แผ่น และสามารถสแกนได้เร็วถึง 25 แผ่นต่อนาที นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเสริม เช่น CardMinder ทำให้สะดวกต่อการเข้าใช้งานเมนูลัดเพื่อการใช้งานในสำนักงาน ไม่ว่าจะเป็น การทำนามบัตรมากกว่า 11 ภาษา (ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เป็นต้น) อีกทั้ง ยังสามารถนำข้อมูลไปใช้ในแอพพลิเคชันอื่น เช่น Address Book, Excel และ Salesforce ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ด้วยคุณสมบัติที่มีเซนเซอร์อัลตราโซนิคที่ตรวจจับเอกสารที่ซ้อนกันอยู่ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าปัญหาการป้อนกระดาษซ้อนจะลดลงและทำให้ไม่พลาดการสแกนเอกสารให้ครบทุกหน้า เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยคอยตรวจสอบความละเอียดของการสแกนได้เป็นอย่างดี



สะดวก รวดเร็ว ด้วยเมนูลัด “Quick Menu” “Quick Menu” จาก Fujitsu ScanSnap iX500 สำหรับพีซีและ Mac จะแสดงขึ้นเมื่อจบการสแกนแต่ละครั้งเพื่อช่วยให้คุณเลือกสรรจัดหมวดหมู่งานสแกนให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น และทำให้คุณสามารถเลือกแอพพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยขึ้นมาได้หลังสแกนทันที นอกจากนี้ คุณสามารถตั้งค่าให้เป็นเมนูโปรดเพื่อการจัดเก็บเอกสารอย่างรวดเร็วและสะดวกต่อการนำมาใช้งานในอนาคต

สแกนเก็บไว้ที่คลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพ Fujitsu ScanSnap iX500 ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่อำนวยความสะดวกให้คุณสแกนเอกสารเก็บไว้บนเว็บไซต์อย่างเช่น Evernote, Dropbox, Google Docs, SugarSync และ Salesforce เป็นต้น สะดวกและง่ายต่อการเก็บรักษาข้อมูลและการแบ่งปันเอกสารของคุณ สามารถซิงค์ข้อมูลถึงกันได้หมดและทำให้สามารถดูเอกสารได้ทุกที่

จัดการเอกสารได้ง่ายด้วย Rack2-Filer Smart V1.0 และ Magic Desktop V1.0 ScanSnap iX500 Deluxe มาพร้อมกับซอฟต์แวร์จัดเก็บเอกสาร Rack2-Filer Smart V1.0 และซอฟต์แวร์ Magic Desktop V1.0 เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Fujitsu ที่รอคุณพิสูจน์ประสิทธิภาพ ยิ่งกว่านั้น คุณสามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ ScanSnap Connect Application ได้ฟรีผ่าน Google Play และ AppStore

ครบเครื่องเรื่องความสะดวก รวดเร็วและง่ายต่อการใช้งาน พร้อมการเชื่อมต่ออย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าต่อการลงทุน ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสแกนเนอร์อย่าง Fujitsu ScanSnap iX500 ดูแลธุรกิจคุณวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ASUS เปิดตัว DVD Writer พกพาใหม่ล่าสุด SDRW-08U5S-U

“ASUS” เปิดตัวดีวีดีไร้ท์เตอร์แบบพกพาใหม่ล่าสุด “SDRW-08U5S-U” บางเฉียบที่สุดในโลกเพียง 13 มิลลิเมตร พร้อมขาตั้งดีไซน์เก๋ไก๋พับเก็บได้ สร้างปราการความปลอดภัยสูงสุดให้กับข้อมูลด้วยระบบมาตรฐานสากล



“เอซุส” ผู้นำด้านเทคโนโลยียุคดิจิตอลระดับโลก เปิดตัวผลิตภัณฑ์ดีวีดีไร้ท์เตอร์แบบเอ็กซ์เทอร์นอลใหม่ล่าสุด “ASUS SDRW-08U5S-U” ซึ่งเป็นอ็อพติคอลไดร้ฟว์ที่สะดวกต่อการพกพา ภายใต้รูปลักษณ์บางเฉียบที่สุดในโลกหนาเพียง 13 มิลลิเมตรเท่านั้น มาพร้อมขาตั้งดีไซน์พิเศษที่พับเก็บได้อย่างกลมกลืนไปกับตัวไดร้ฟว์ ช่วยประหยัดเนื้อที่และลดความยุ่งยากในการประกอบขาตั้งเพราะสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบแนวตั้งและแนวนอน นอกจากนี้ ยังช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้กับข้อมูลที่กำลังไร้ท์ด้วยระบบมาตรฐานสากลมากมายจากเอซุส พร้อมระบบควบคุมรหัสผ่านและการตั้งรหัส รวมถึงฟังก์ชั่นการเข้ารหัสสู่ไฟล์ต่างๆ มีให้เลือก 3 สีล้ำสไตล์ คือ สีเงิน-เมลโล่ว เมททาลิค, สีชมพูอมส้ม-ดัสตี้โรส, และสีชมพู-ไบร้ท์เบอร์รี่

เอ็กซ์เทอร์นอลดีวีดีไร้ท์เตอร์ที่บางที่สุดในโลก ASUS SDRW-08U5S-U ได้รับการออกแบบตามหลักโครงสร้างวิศวกรรมอย่างพิถีพิถัน ช่วยให้ได้ผลลัพธ์คือความเพรียวบางกระทัดรัดที่หนาเพียง 13 มิลลิเมตร นอกจากรูปลักษณ์ที่สวยงามมีสไตล์ในรูปแบบอัลตร้าสลิมแล้ว ยังให้ความสะดวกสบายต่อการพกพา สามารถใช้งานเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค อัลตร้าบุ๊ค และอุปกรณ์โมบายล์ ดีไวซ์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย

ดีไซน์สวยหรูตามปรัชญาแบบ ZEN ด้วยเอกลักษณ์ด้านการดีไซน์ผลิตภัณฑ์อ็อพติคอลไดร้ฟว์ที่มีรางวัลการันตีมากมายของเอซุส SDRW-08U5S-U ได้สานต่อแรงบันดาลใจด้านการออกแบบต่อยอดมาจาก ASUS ZENBOOK™ ด้วยพื้นผิวทำจากวัสดุเมททาลิคขัดลายเส้นมันเงาเป็นวงกลมไล่ระดับดั่งผิวน้ำที่กะเพื่อมออกไปจากจุดศูนย์กลาง ให้อารมณ์เรียบหรูตามปรัชญาของ ZEN ที่ช่วยสร้างความโดดเด่นให้ดีวีดีไร้ท์เตอร์เครื่องนี้มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไปตามท้องตลาด มีให้เลือกใน 3 สีทันสมัย ทั้งสีเงิน-เมลโล่ว เมททาลิค, สีชมพูอมส้ม-ดัสตี้โรส, และสีชมพู-ไบร้ท์เบอร์รี่

ขาตั้งใช้งานสะดวกทั้งแนวตั้งและแนวนอนแบบ Dual-stance SDRW-08U5S-U มาพร้อมขาตั้งในตัวที่สามารถพับเก็บได้อย่างกลมกลืนไปกับตัวเครื่อง เป็นดีไซน์ที่ทีมออกแบบของ เอซุสเรียกว่า “ขาตั้งแบบซ่อน” หรือ Hidden stand ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับใช้ได้ทั้งแบบแนวตั้งและแนวนอนได้ตามต้องการ โดยขาตั้งดังกล่าวช่วยให้ประหยัดเนื้อที่ในการทำงาน และลดการพกพาอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่จำเป็น สร้างความสะดวกสบายแก่การทำงานนอกสถานที่อย่างแท้จริง

สร้างปราการด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งให้กับข้อมูล เอซุสได้บูรณาการระบบ Disc Encryption II อันแข็งแกร่งเพื่อพิทักษ์ความความภัยให้กับข้อมูลอย่างสูงสุด โดยระบบนี้จะช่วยควบคุมการใส่รหัสผ่านในแบบที่ผู้ใช้กำหนดจากการตั้งรหัสแบบ Encryption เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโจรกรรมข้อมูลโดยผู้ไม่พึงประสงค์ รวมทั้งยังมีระบบฟังก์ชั่นการเข้ารหัสสู่ไฟล์ต่างๆ อย่างปลอดภัย



พบกับดีวีดีไร้ท์เตอร์แบบเอ็กซ์เทอร์นอล “ASUS SDRW-08U5S-U” ใหม่ล่าสุดจากเอซุสได้ในช่วงไตรมาสที่ 2/2556 นี้ ในราคาเครื่องละประมาณ 65 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.asus.co.th หรือพูดคุยผ่านทาง Facebook.com/ASUS.DIY

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

WD เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้ว บางที่สุดตัวแรกของโลก บางเฉียบเพียง 5 มม.

ฮาร์ดดิสก์บางเฉียบประสิทธิภาพสูงตัวแรกออกแบบเพื่ออุปกรณ์พกพาขนาดจิ๋ว โดดเด่นด้านนวัตกรรมใหม่แห่งการออกแบบเชิงกล พร้อมเทคโนโลยีโซลิดสเตทไดรฟ์แบบไฮบริด

WD บริษัทในเครือของเวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์เปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูลและผลิตภัณฑ์สำหรับการเชื่อมต่อภายในบ้านเผย วันนี้ได้ฤกษ์วางจำหน่ายฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และโซลิดสเตทไดรฟ์แบบไฮบริด (SSHD) ขนาด 2.5 นิ้วตัวแรกที่บางที่สุดในโลก ด้วยความหนาเพียง 5 มม. ซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อการผนวกรวมเข้ากับอุปกรณ์ที่บางที่สุดและสภาพแวดล้อมของคอมพิวเตอร์ที่มีการจำกัดพื้นที่ ด้วยความจุในการจัดเก็บถึง 500 GB และรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีลูกผสม (ไฮบริด) สำหรับโซลิดสเตทไดรฟ์เพื่อผลักดันประสิทธิภาพในระดับสูง สายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์ขนาดบางนี้จึงช่วยขจัดปัญหาการออกแบบระบบที่ไม่สามารถรวมข้อดีทุกอย่างไว้ได้ แต่ต้องเลือกระหว่างความจุ ขนาดทางกายภาพ หรือประสิทธิภาพการทำงาน

แมทต์ รูทัลเลดจ์ รองประธานหน่วยธุรกิจไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์ของ WD กล่าวว่า “ด้วยการเปิดตัวฮาร์ดดิสก์ WD Blue รุ่นใหม่ของเรา รวมถึงผลิตภัณฑ์ WD Black SSHD ที่บางมากเป็นพิเศษเพียง 5 มม. ที่ปัจจุบันได้ส่งจำหน่ายให้กับกลุ่มโออีเอ็ม แสดงให้เห็นว่า WD กำลังนำเสนอโซลูชันที่หลากหลายให้กับลูกค้าของเราที่ต้องการเพิ่มความจุในการจัดเก็บและประสิทธิภาพเชิงปริมาตร รวมถึงประสิทธิภาพการทำงานและการตอบสนองของระบบในระดับสูงสุดสำหรับผู้บริโภค” และเสริมว่า “ทีมวิศวกรรมของเราได้ใช้วิธีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับฮาร์ดดิสก์ความบาง 5 มม. รุ่นนี้เพื่อส่งมอบฮาร์ดดิสก์ที่มีความบางมากเป็นพิเศษที่สามารถสร้างโลกแห่งความเป็นไปได้และโลกแห่งแอพพลิเคชันสำหรับคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และอุปกรณ์อื่นๆ”



ทั้งนี้ WD ได้ออกแบบฮาร์ดดิสก์ WD Blue และ WD Black ตัวใหม่ความบาง 5 มม. เพื่อยกระดับใหม่ของความสามารถในการใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น ฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่นี้ออกแบบขึ้นเพื่อเพิ่มความจุในการจัดเก็บข้อมูลภายใน ขณะเดียวกันก็สามารถใส่ไว้ในช่องอุปกรณ์ขนาดเล็กได้อย่างพอดี แต่ยิ่งมีความบางและสามารถใช้งานกับอุปกรณ์อื่นได้มากเท่าไหร่ ฮาร์ดดิสก์ก็ยิ่งเสี่ยงต่อความกังวลที่เกิดจากผู้ใช้มากขึ้นเท่านั้น และเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว WD จึงได้ออกแบบตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับฮาร์ดดิสก์ความบาง 5 มม. นี้ ซึ่งประกอบด้วย


  • รูปทรงขนาดบางมากเป็นพิเศษ – ด้วยความบางเพียง 5 มม.พร้อมคอนเน็คเตอร์ขนาดกะทัดรัด จึงเป็นการมอบอิสระในระดับที่มากขึ้นในการออกแบบโครงสำหรับผู้ออกแบบระบบ รูปทรงขนาดบางเฉียบเป็นพิเศษนี้จะช่วยลดน้ำหนักได้สูงสุดถึง 36% เมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์มาตรฐานความบาง 9.5 มม.
  • ระบบป้องกันเสียงและการสั่นสะเทือนที่ดีที่สุด – ระบบป้องกันเสียงที่ดีที่สุดของ WD ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดเสียงรบกวนเมื่อฮาร์ดดิสก์ทำงานอยู่หรือไม่ได้ใช้งาน ฮาร์ดดิสก์ WD Blue และ WD Black ความบาง 5 มม. มอบประสิทธิภาพการทำงานชั้นยอดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยอัตราการรองรับแรงสั่นสะเทือนในขณะที่ไดรฟ์ทำงานอยู่และไม่ได้ทำงานสูงสุดที่ระดับ 400 G และ 1000G ตามลำดับ
  • เทคโนโลยี Edge Card – WD ออกแบบคอนเน็คเตอร์และแผงวงจรโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการทำโทรศัพท์มือถือให้มีขนาดเล็กลงมา เพื่อเพิ่มพื้นที่การแกว่งในทางกลในระดับสูงสุดในฮาร์ดดิสก์ และรับประกันประสิทธิภาพในการป้องกันการกระแทก
  • คอนเน็คเตอร์ Edge Card – ฮาร์ดดิสก์ WD Blue ความบาง 5 มม. ยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชันแรกของรูปทรงขนาดเล็กแบบใหม่ของคอนเน็คเตอร์ SFF-8784 edge ซึ่งคอนเน็คเตอร์นี้จะรับกำลังไฟจากและประสานเข้ากับบัส I/O ที่เป็นโฮสต์ผ่านคอนเน็คเตอร์ SFF-8784 ที่ใช้อินเตอร์เฟสแบบ SATA
  • StableTrac - เพลาของมอเตอร์จะได้รับการติดตั้งไว้อย่างแน่นหนาที่ปลายทั้งสองด้านเพื่อลดการสั่นสะเทือนของระบบและเสริมความมีเสถียรให้กับแพลตเตอร์ ทำให้การติดตามข้อมูลระหว่างการอ่านและเขียนข้อมูลมีความแม่นยำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • เทคโนโลยี Dual Stage Actuator – ระบบกำหนดตำแหน่งหัวอ่านแบบสองชั้นที่ล้ำหน้าที่สุด มีตัวควบคุมสองตัวที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับการกำหนดตำแหน่งบนแทร็กข้อมูล ตัวควบคุมหลักจะทำหน้าที่กำหนดตำแหน่งคร่าวๆ โดยใช้วิธีการควบคุมตำแหน่งด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าแบบดั้งเดิม ตัวควบคุมตัวที่สองใช้ระบบเพียโซอิเล็กทริกโมชั่นเพื่อปรับตำแหน่งของหัวอ่านโดยละเอียดเพื่อความแม่นยำที่ละเอียดกว่าอีกขั้น

ราคาและการวางจำหน่าย สินค้าใหม่พร้อมวางจำหน่ายแล้วผ่านตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งและลูกค้ากลุ่ม OEM ในรุ่นความจุ 500GB โดยฮาร์ดดิสก์ WD Blue 2.5 นิ้ว (model: WD5000MPCK) ราคาแนะนำที่ 2,999 บาท สินค้ารับประกันสองปีสำหรับ WD Black SSHD กำลังจัดส่งไปยังกลุ่ม OEM และผู้ติดตั้งที่ผนวกรวมเทคโนโลยีไฮบริดของ WD และเทคโนโลยีมาตรฐานอุตสาหกรรม SATA I/O ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.wd.com/en/products/products.aspx?id=800#tab11.

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

HP เผยเซิร์ฟเวอร์ตระกูลใหม่ HP Moonshot

HP เผยเซิร์ฟเวอร์ตระกูลใหม่ HP Moonshot รองรับการเติบโตของบิ๊กดาต้า, โซเชี่ยล มีเดีย, โมบายล์ คอนเท้นต์ และคลาวด์ เซิร์ฟเวอร์ที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่ออกแบบพิเศษเพื่อดาต้าเซ็นเตอร์ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เอชพี เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์เชิงพาณิชย์ตระกูลใหม่ครั้งแรกของโลก ภายใต้ระบบ HP Moonshot ซึ่งออกแบบมาให้สอดคล้องกับข้อบังคับเศรษฐศาสตร์โครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure economics) ใหม่ โดย ใช้พลังงานลดลงมากถึงร้อยละ 89 ใช้พื้นที่ลดลงร้อยละ 80 และลดต้นทุนลงได้ถึง ร้อยละ 77 เมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์รุ่นเดิมๆ (1)

ในปัจจุบัน ดาต้าเซ็นเตอร์ต่างๆ มีขนาดมหาศาลมากจนเกือบจะเกินจุดที่การขยายตัวในอนาคตจะรองรับได้ เนื่องมาจากสาเหตุทางด้านข้อจำกัดด้านเศรษฐศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot จะเป็นก้าวแรกที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถขจัดข้อจำกัดต่างๆ นี้ออกไปได้

เมก วิทแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอชพี กล่าวว่า “ปัจจุบัน เรามาถึงจุดที่ความต้องการด้านต่างๆ ของเทคโนโลยีแบบเดิมไม่ว่าจะเป็นด้านพื้นที่ การใช้ไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายมีไม่เพียงพอที่จะรองรับจำนวนอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตที่คาดว่ามีสูงกว่า 10,000 ล้านเครื่อง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ดังนั้น เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot จึงเป็นการเริ่มต้นของไอทีรูปแบบใหม่ที่จะมาเปลี่ยนเศรษฐศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานเพื่อเป็นรากฐานรองรับอุปกรณ์จำนวนกว่า 20,000 ล้านเครื่องในอนาคต”



นวัตกรรมจากเอชพี ช่วยลดการใช้พลังงาน พื้นที่ และต้นทุนเอชพี ขึ้นแท่นเป็นผู้นำในการกำหนดแพลทฟอร์มของระบบคอมพิวติ้งรุ่นใหม่มาเป็นระยะเวลาหลายทศวรรษ โดยเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว เอชพีได้ประกาศความสำเร็จในการจำหน่ายเซิร์ฟเวอร์ตระกูล UNIX เป็นครั้งแรก รุ่น HP 9000 Series 840 และเซิร์ฟเวอร์ HP SystemPro ซึ่งเป็นเวิร์ฟเวอร์ตระกูล x86 รุ่นแรก และอีก 10 ปีถัดมา เอชพีเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่ได้รับสิทธิบัตรสถาปัตยกรรม เบลดเซิร์ฟเวอร์ โดยเอชพีสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเซิร์ฟเวอร์ตระกูล x86 ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา (2)

เอชพี มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและยกระดับขอบเขตของเทคโนโลยีเพื่อปูทางไปสู่เซิร์ฟเวอร์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ (software defined servers) เป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ตรงตามความต้องการของการทำงานด้านต่างๆ ทั้งนี้ เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot ถูกพัฒนาขึ้นบนทรัพย์สินทางปัญญาด้านเซิร์ฟเวอร์ชั้นนำของเอชพี ต่อยอดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกว่า 10 ปีจากห้องปฏิบัติการ HP Labs พร้อมทีมพัฒนาซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot อัดแน่นด้วยพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญทั้งทางด้านพลังงาน พื้นที่ ราคา และความสะดวกสบายและง่ายในการใช้งานออกแบบสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ สร้างสรรค์เพื่อโลกในยุคอนาคต

เซิร์ฟเวอร์ภายใต้ระบบ HP Moonshot ใหม่ล่าสุดนี้เป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นที่ 2 จากโครงการ Moonshot ของเอชพี เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายต่างๆ ของระบบไอทีซึ่งเกิดจากการเติบโตของโซเชี่ยล มีเดีย, คลาวด์, โมบายล์ คอนเท้นต์ และบิ๊กดาต้า ทั้งนี้ เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot ติดตั้งชิปที่มีลักษณะเดียวกับที่ใช้ในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ใหม่นี้สามารถลดการใช้พลังงาน และใช้พื้นที่ได้อย่างมีความหนาแน่นสูง จึงช่วยลดต้นทุนได้เป็นอย่างมาก

เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot รุ่นใหม่ ประกอบด้วย เซิร์ฟเวอร์ HP Moonshot 1500 enclosure และเซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant Moonshot ที่มาพร้อมแอพพลิเคชั่น โดยสามารถทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลที่หลากหลายจากพาร์ทเนอร์รายต่างๆ ของเอชพี เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานเฉพาะทางด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี



เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot รองรับจำนวนเซิร์ฟเวอร์ได้มากถึง 1,800 เครื่อง/แร็ค จึงใช้พื้นที่เพียง 1 ใน 8 ของเซิร์ฟเวอร์รุ่นเดิม ช่วยขจัดปัญหาด้านการใช้พื้นที่ของดาต้าเซ็นเตอร์ได้เป็นอย่างดี (3) โดยแต่ละแชสซี สามารถใช้ส่วนประกอบดั้งเดิมต่างๆ ร่วมกันได้ อาทิ แฟบริค ระบบจัดการ HP Integrated Light-Out (iLo) แหล่งจ่ายไฟ และพัดลมความเย็น เป็นต้น ซึ่งส่วนประกอบที่ใช้งานร่วมกันเหล่านี้จะช่วยลดความซับซ้อน อีกทั้งยังลดการใช้พลังงานและพื้นที่ได้อีกด้วย

เซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant Moonshot รุ่นแรกนี้มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Intel® Atom S1200 สามารถรองรับการทำงานเป็นเว็บ โฮสติ้ง นอกจากนี้ เซิร์ฟเวอร์ HP Moonshot 1500 enclosure ขนาด 4.3u ติดตั้งอุปกรณ์มาพร้อมครบถ้วน ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์อินเทล 45 เครื่อง เน็ตเวิร์คสวิตช์ 1 ตัว และอุปกรณ์สนับสนุนต่างๆ

ขับเคลื่อนอีโคซิสเต็มด้วยเทคโนโลยีจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำในอุตสาหกรรม
เอชพียังเผยถึงโร้ดแมปสำหรับเซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant Moonshot ที่สามารถรองรับการทำงานสูงสุด โดยทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลจากพาร์ทเนอร์ต่างๆ ของเอชพี อาทิ AMD, AppliedMicro, Calxeda, Intel และ Texas Instruments Incorporated

เซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant monshot รุ่นใหม่นี้มีกำหนดจะเปิดตัวในครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยสามารถรองรับการเติบโตของเว็บ คลาวด์ และสภาพแวดล้อมที่มีการปรับขยายอย่างมาก ตลอดจนการวิเคราะห์ และระบบการสื่อสารต่างๆ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ในอนาคตจะต้องมีความพร้อมในการรองรับบิ๊กดาต้า ระบบคอมพิวติ้งประสิทธิภาพสูง (high-performance computing) เกม บริการด้านการเงิน จีโนมิกส์ (genomics) การจดจำหน้าตา (facial recognition) การวิเคราะห์วิดีโอ และแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมาย

มร. คริส ฮิล ประธานวิศวกรวิจัย สถาบัน Massachusetts Institute of Technology (MIT) และประธานร่วม Research and Education Subcommittee, Massachusetts Green High Performance Computing กล่าวว่า “เราต้องการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีจากบริษัทชั้นนำอย่างเช่นเอชพี เพื่อช่วยแก้ปัญหาการใช้พลังงานอย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการวิเคราะห์ประมวลผล เพื่อช่วยการทำงานของบริษัทวิจัยธรณีศาสตร์ชั้นนำระดับโลก ทั้งนี้ HP Moonshot เป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าโครงสร้างพื้นฐานของเราจะมีความสามารถในการขยายตัวเพื่อรองรับความต้องการพื้นฐานต่างๆ ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องใช้พลังงานน้อย มีการใช้พื้นที่น้อย ทำงานแบบผนวกรวมได้มากขึ้น และมีต้นทุนต่ำ”

หน่วยงาน HP Information Technology ได้ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ HP Moonshot เพื่อสนับสนุนสภาพแวดล้อมการทำงานของเว็บไซต์ hp.com โดยมีผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมประมาณ 3 ล้านคนต่อวัน มร. จอห์น ฮินชอว์ รองประธานด้านเทคโนโลยีและโอเปอเรชั่น เอชพี กล่าวว่า “ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า เราสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์ HP Moonshot รองรับ การทำงานของเว็บไซต์ hp.com โดยใช้พลังงานเทียบเท่ากับหลอดไฟกำลัง 60 วัตต์ จำนวน 12 ดวงเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมเลยทีเดียว เรารู้สึกตื่นเต้นกับผลการทดลองและแผนการใช้เซิร์ฟเวอร์ HP Moonshot เพื่อรองรับแอพพลิเคชั่นเสริมต่างๆ โดยจะนำไปสู่การปรับทัพของดาต้าเซ็นเตอร์ในยุคอนาคต”

นำเสนอบริการต่างๆ สำหรับระบบคอมพิวติ้งที่สามารถปรับขยายได้เต็มที่ในยุคอนาคต เอชพี ยังได้นำเสนอโปรแกรมเสริมสำหรับพันธมิตร และบริการใหม่ๆ ที่ช่วยเร่งให้เกิดการต่อยอดนวัตกรรมจากเซิร์ฟเวอร์ตระกูลใหม่นี้ ได้แก่

HP Pathfinder Innovation Ecosystem – ประกอบด้วยผู้ค้า นักพัฒนาระบบปฏิบัติการ และผู้ค้าซอฟต์แวร์อิสระ (ISVs) กว่า 25 ราย ที่มีบทบาทในการเร่งพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ใหม่เพื่อสนับสนุนการทำงานที่แตกต่างกันไป

HP Moonshot Concierge Services – หน่วยงาน HP Discovery Labs และ HP Technology Services นำเสนอโซลูชั่นสนับสนุนและให้คำปรึกษา ในการปรับย้ายแพลทฟอร์มและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HP Moonshot สามารถดูได้ที่ TheDisruption.com หรือวิดีโอข่าวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ที่ HP Moonshot video news release

(1) According to internal HP engineering that compares HP Moonshot servers with traditional x86 server technology. (2) “IDC WW Q412 Worldwide Quarterly Server Tracker,” March 18, 2013. (3) Based on internal HP Lab research and comparative analyses.

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

BlackBerry Z10 เริ่มวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ 24 เมษายนนี้

BlackBerry Z10 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมสุดยอดระบบปฏิบัติการแบล็คเบอร์รี่ 10 – ปรากฏการณ์ใหม่แห่งดีไซน์และนวัตกรรมของแบล็คเบอร์รี่แพลตฟอร์ม จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2556 ที่แบล็คเบอร์รี่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ เซ็นเตอร์ (BlackBerry Experience Center) ชั้น 2 สยามเซ็นเตอร์ รวมทั้งผ่านทางผู้ให้บริการเครือข่ายเอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ และพันธมิตรร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูที่ http://th.blackberry.com/



พบกิจกรรมพิเศษฉลองการวางจำหน่ายวันแรก ที่ Z10 Activation Zone ชั้น 1 สยามพารากอน เพื่อฉลองการวางจำหน่ายวันแรกของแบล็คเบอร์รี่ Z10 สมาร์ทโฟน แบล็คเบอร์รี่ จับมือพันธมิตรผู้ให้บริการเครือข่ายเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายเจย์มาร์ท ทีจีโฟน และพีเอ็มเทเลคอม ขอเชิญชวนผู้บริโภคแวะมาร่วมสัมผัสประสบการณ์แบล็คเบอร์รี่ Z10 ได้ที่บริเวณ Z10 Activation Zone ณ ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน วันพุธที่ 24 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลา 12.15 น. ถึงเวลา 16.30 น. พร้อมพบกับโปรโมชั่นสุดคุ้มมากมาย รวมทั้งร่วมสนุกกับกิจกรรมและเกมส์ลุ้นรับของรางวัลอีกจำนวนมาก



สำหรับลูกค้าที่ซื้อแบล็คเบอร์รี่ Z10 สมาร์ทโฟนภายในงาน รับฟรี แฟลชไดรฟ์ Z10 และที่ชาร์จแบตสำรอง Power Bank นอกจากนี้ ลูกค้ายังมีโอกาสได้เลือกซื้อสินค้าแบล็คเบอร์รี่หลากหลายรุ่น ที่มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษแบบสุดคุ้มจากทางแบล็คเบอร์รี่ และพันธมิตรที่มาร่วมออกงาน

พร้อมกันนี้ แบล็คเบอร์รี่ จับมือ เกมส์ลอฟท์ (Gameloft) ผู้นำด้านดิจิตอลและโซเชี่ยลเกมส์ แจกฟรีเกมส์บนมือถือ N.O.V.A. 3 และ Asphalt 7: Heat มูลค่าสูงสุดกว่า 350 บาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อ แบล็คเบอร์รี่ Z10 ซึ่งจะสามารถดาวน์โหลดได้ทาง BlackBerry® World™ ตั้งแต่วันที่ 24

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

IT CITY จัดมหกรรมงาน Computer and Notebook Expo 2013

รายงานข่าวจากบริษัทไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) เมืองเทคโนโลยีครบวงจร เปิดเผยว่าไอที ซิตี้จัดมหกรรมงาน Computer and Notebook Expo 2013 ครั้งใหญ่ประจำปี 2556 พร้อมกันทั้ง 61 สาขาทั่วประเทศ สำหรับแฟนพันธุ์แท้คนรักคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ก ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2556 ภายใต้ค็อนเซ็ป “ ช็อป ฉ่ำ ชิลล์ ”ภายในงานพบกับโปรโมชั่นพิเศษจากคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กแบรนด์ดังชั้นนำของประเทศไทย อาทิ เอเซอร์ โตชิบา ซัมซุง ฟูจิตสึ เดลล์ ฯลฯ ลดราคาสุดพิเศษ สูงสุดกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ แถมผ่อนสบาย ๆ 0 เปอร์เซ็นต์นานถึง 12 เดือน พร้อมรับของแถมต่างๆ อีกมากมาย พิเศษสุดๆ กับกิจกรรมโรดโชว์ขึ้นที่ลานกิจกรรม ชั้น 1 พันธุ์ทิพย์พลาซ่าประตูน้ำ ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่ 2 พฤษภาคม 2556 เพื่อให้ลูกค้าได้ร่วมกิจกรรมและเดินชมสินค้าทั่วทุกบูธ



สำหรับสินค้าไอที ที่นำมาเป็นไฮไลน์มาลดราคาประกอบด้วย โน้ตบุ๊ก Acer รุ่น AspineE1-471g -32344G50 Mnks Glossy Black ราคาปกติ จากเดิม 13,900 บาท ลดพิเศษเหลือเพียง 12,900 บาท แถมฟรี Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท , โน้ตบุ๊ก ASUS รุ่น A 45 DR – VX050D ราคาปกติ จากเดิม 15,900 บาท ลดพิเศษเหลือเพียง 13,900 บาท แถมฟรี Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท, โน้ตบุ๊ก HP รุ่น 14-b010TX/14-b010TX Slim G4 ลดราคาพิเศษ พร้อมแถมฟรี External DVD มูลค่า 1,990 บาท และ Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท, โน้ตบุ๊ก HP รุ่น G4 -1309 AU ราคาพิเศษ 9,900 บาท แถมฟรี Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท,โน้ตบุ๊ก Lenovo รุ่น G480 -59364742 ราคาปกติ จากเดิม 15,990 บาท ลดพิเศษเหลือเพียง 14,490 บาท แถมฟรี Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท และ โน้ตบุ๊ก SAMSUNG รุ่น NP370R4V – S01TH (Body White) ราคาปกติ จากเดิม 19,990 บาท ลดพิเศษเหลือเพียง 17,900 บาท แถมฟรี RAM 8 GB+USB 8 GB มูลค่า 3,690 บาท และ Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ไอที ซิตี้ คอลล์ เซ็นเตอร์ 0-2656-5030 หรือ คลิกเข้าไปที่ www.itcity.co.th หรือ www.facebook.com/itcityfanspage

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

ASUS ยกขบวน MortherBoard ไซส์เล็ก เอาใจคอ D.I.Y

ASUS ยกขบวนมาเธอร์บอร์ดไซส์เล็ก เอาใจคอ D.I.Y. เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าเพื่อการประกอบพีซีด้านความบันเทิงประสิทธิภาพสูง

ไลน์ผลิตภัณฑ์มาเธอร์บอร์ดMicroATXใหม่จากเอซุส มาพร้อมซีพียูและกราฟฟิกส์การ์ดในตัว พ่วงเทคโนโลยี USB 3.0 Boostให้ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อแรงเต็ม

“เอซุส” (ASUS) ผู้ผลิตมาเธอร์บอร์ดที่มียอดขายและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลกเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์มาเธอร์บอร์ดคุณภาพเยี่ยมในขนาดกระทัดรัดอย่างMicroATXสำหรับโปรเซสเซอร์ทั้งจากค่ายIntel®และ AMDมาพร้อมกราฟฟิกส์การ์ดคุณภาพเยี่ยมในตัว โดดเด่นด้วยพอร์ตต่อเชื่อมแบบHDMI และDVI และพอร์ต USB 3.0 ที่ใช้เทคโนโลยีทะยานประสิทธิภาพให้เร็วยิ่งขึ้นกับUSB 3.0Boostลิขสิทธิ์เฉพาะจากเอซุส และเมื่อไม่จำเป็นต้องซื้อกราฟฟิกส์การ์ดมาใส่เพิ่ม เป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ที่ต้องการความประหยัดพร้อมกับคุ้มค่ามากกว่าจากมาเธอร์บอร์ดรุ่นใหม่ของเอซุส ในการนำมาประกอบเดสก์ท็อปพีซีเพื่อการใช้งานด้านความบันเทิงภายในบ้านที่ได้ประโยชน์เต็มๆจากเนื้อที่บนสตอเรจของUSB3.0

ซีพียูพร้อมกราฟฟิกส์การ์ดคุณภาพสูงในตัว พร้อมพอร์ตเชื่อมต่อHDMIและDVI แบบออนบอร์ด มาเธอร์บอร์ดเอซุสรุ่นล่าสุดที่ใช้ซีพียู Intel® 22nm มาพร้อมกราฟฟิกส์การ์ดที่ใช้ชิพ Intel® HD 4000 แบบในตัว ในขณะที่มาเธอร์บอร์ดรุ่น AMD Socket FM2 Athlon™ และ A-Series APUs มีกราฟฟิกส์การ์ด AMD HD 7000Series ที่ล้วนแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพในการประมวลผลกราฟฟิกส์ทั้งแบบ 2 และ 3 มิติ เป็นไปอย่างราบลื่น คมชัด สมจริง โดยไม่จำเป็นต้องซื้อกราฟฟิกส์การ์ดมาใส่เพิ่ม เอื้อประโยชน์ด้านต้นทุนที่ต่ำลงในการประกอบเดสก์ท็อปพีซีเครื่องใหม่

ไลน์ผลิตภัณฑ์มาเธอร์บอร์ด MicroATXใหม่จากเอซุสสามารถรองรับฟีเจอร์จากกราฟฟิกส์การ์ดออนบอร์ดทั้งจากIntel® และ AMD มาเธอร์บอร์ดแต่ละรุ่นยังมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อทั้งแบบ HDMI สำหรับการใช้งานกับHDTV และแบบ DVI สำหรับการเชื่อมต่อเข้าสู่จอแสดงภาพของเดสก์ท็อปพีซี มาเธอร์บอร์ดรุ่น ASUS B75M-A, ASUS H61M-PLUS, ASUS H61M-A/USB3 และ ASUS H61M-A ล้วนเป็นมาเธอร์บอร์ดฉบับจิ๋วที่ได้รับการดีไซน์มาให้ทำงานเข้ากับโปรเซสเซอร์ของ Intel® ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่รุ่น ASUS A85XM-A, ASUS A55M-A/USB3 และ ASUS A55M-A เป็นบอร์ดที่ใช้AMD APUs และด้วยรูปลักษณ์ที่บางกระทัดรัดในแบบฉบับของ MicroATXทำให้มาเธอร์บอร์ดรุ่นใหม่จากเอซุสเหล่านี้สามารถระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการใช้ประกอบเดสก์ท็อปพีซีขนาดเล็กรวมถึงพีซีเพื่อความบันเทิงภายในบ้าน




เชื่อมต่อข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น! ด้วยเทคโนโลยี USB 3.0 Boost ลิขสิทธิ์เฉพาะเอซุส โดยทั่วไปแล้ว เทคโนโลยี USB 3.0 จะให้ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลมากกว่า USB 2.0 อยู่ประมาณ 10 เท่า แต่ด้วยเทคโนโลยี ASUS USB 3.0 Boost ลิขสิทธิ์เฉพาะจากเอซุส ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลและเดต้าต่างๆ ผ่านมาเธอร์บอร์ด MicroATXใหม่นี้จะเร็วยิ่งขึ้นไปอีกถึง 1.7 เท่าของความเร็วในการส่งข้อมูลผ่าน USB 3.0 ทั่วไป!

เทคโนโลยี ASUS USB 3.0 Boost นี้ใช้ระบบมาตรฐานในการโอนถ่ายข้อมูลที่เรียกว่า USB Attached SCSI Protocol (UASP) เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับส่ง ถ่ายโอน และจัดการช่องทางของจำนวนข้อมูลผ่านการใช้ช่องทางหรือแชนแนลหลายๆ ช่องทางพร้อมๆ กันแทนที่จะใช้เพียงช่องทางเดียวที่ใช้ในการส่งข้อมูลผ่าน USB 3.0 ทั่วไป วิธีการนี้ช่วยให้ระบบ ASUS USB 3.0 Boost สามารถใช้จำนวนแบนวิธทั้งหมดของการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 ได้ จึงช่วยให้ประหยัดเวลา

ในการส่งข้อมูลที่เป็นไฟล์ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังปรับปรุงความลื่นไหลของการสตรีมวิดีโอที่ความละเอียดระดับเอชดี โดยระบบ UASP นี้ จะต้องใช้กับไดร้ฟว์ที่สามารถรองรับ UASP หรือ UASP-Enabled Drive เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากความสามารถของอุปกรณ์ แต่หากผู้ใช้ไม่มีอุปกรณ์ที่รองรับ UASP ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้โหมด Turbo เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วจากอุปกรณ์ใดๆ ก็ได้ผ่านการใช้ USB 3.0

เทคโนโลยี ASUS USB 3.0 Boost เป็นฟีเจอร์มาตรฐานในมาเธอร์บอร์ด MicroATXรุ่น ASUS B75M-A, ASUS H61M-PLUS และ ASUS H61M-A/USB3ทั้งแบบที่ใช้ชิพ Intel® และชิพ AMD ในรุ่น ASUS A85XM-A ASUS และ A55M-A/USB3 นอกจากนี้ พอร์ตออนบอร์ดแบบ HDMI/DVI และเทคโนโลยี USB 3.0 Boost นี้ยังเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของ มาเธอร์บอร์ดขนาด ATX รุ่นใหม่ ASUS Z77-A ที่ใช้ชิพจาก Intel® อีกด้วย

ใช้วัสดุคุณภาพเยี่ยมเพื่อการใช้งานที่คงทนยาวนานและคุ้มค่า มาเธอร์บอร์ดเพื่อการใช้งานด้านความบันเทิงภายในบ้านจากเอซุสล้วนใช้โซลิต คาปาซิเตอร์คุณภาพสูงที่ได้รับการรับรองในวงการอุตสาหกรรมแล้วว่ามีอายุการใช้งานยาวนานถึง 5,000 ชั่วโมงที่อุณหภูมิความร้อน 105 องสาเซลเซียส ซึงถือว่ายาวนานกว่าคาปาซิเตอร์แบบทั่วไปถึง 2.5 เท่า โดยคาปาซิเตอร์เหล่านี้มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทสญี่ปุ่น ผ่านการทดสอบแล้วว่าให้ความทนทานแม้ในสภาพการใช้งานที่อุณหภูมิสูง และหากมีการใช้งานโดยเฉลี่ยในระดับอุณหภูมิไม่เกิน 65 องศาเซลเซียส จะมีอายุการใช้งานต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 50 ปีเลยทีเดียว มาเธอร์บอร์ดเอซุส ทุกรุ่นยังใช้วัสดุหลักเป็นสแตนเลสสตีลที่ชุบด้วยโครเมี่ยมอ็อกไซด์ในส่วนด้านข้างที่เป็นพอร์ตต่อเชื่อมเพื่อป้องกันการเกิดสนิมและยืดอายุการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

Cisco เผยผลการศึกษา Gen Y ทั่วโลกเช็คสมาร์ทโฟนก่อนลุกจากเตียง

ซิสโก้เผยผลการศึกษา 90 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y ทั่วโลกเช็คสมาร์ทโฟนเพื่อดูข่าวคราวและโซเชียลมีเดีย ก่อนลุกจากเตียง แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ และโพสต์ข้อความ กลายเป็นกิจวัตรยามเช้าของคน Gen Y ชี้ต้องการเชื่อมต่อตลอดเวลา ตั้งแต่ทำงาน ช้อปปิ้ง โซเชียลกับเพื่อนฝูงและครอบครัว

เวลา 6 โมงเช้า นาฬิกาปลุกของคุณส่งเสียงดัง คุณลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย บิดขี้เกียจ และอ้าปากหาว ถึงเวลาที่คุณจะต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนหรือไปทำงาน แล้วคุณจะทำอะไรเป็นลำดับถัดไป? แต่งตัว? อาบน้ำ? แปรงฟัน?

ตามรายงานเทคโนโลยี Connected World ของซิสโก้ (Cisco® Connected World Technology Report - CCWTR) ระบุว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y ทั่วโลกที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาเช็คสมาร์ทโฟนเพื่อดูข่าวคราวอัพเดตในอีเมล ข้อความ และโซเชียลมีเดีย ก่อนที่จะลุกจากเตียง ขณะที่ประเทศไทยสูงถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ร่างกายของมนุษย์เรามีกระดูกทั้งหมด 206 ชิ้น และสมาร์ทโฟนอาจเปรียบได้กับกระดูกชิ้นที่ 207 สำหรับคนรุ่น Gen Y ผู้ตอบแบบสอบถามสองในห้าคนระบุว่าพวกเขา “รู้สึกกระวนกระวาย เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต” ถ้าไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเชื่อมต่อทุกที่ทุกเวลา InsightExpress ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาและคนทำงานอายุ 18 ถึง 30 ปี จำนวน 1,800 คนใน 18 ประเทศ โดยมุ่งศึกษาพฤติกรรมของคนรุ่น Gen Y ในการใช้อินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์พกพาเพื่อเชื่อมต่อโลก ผลการศึกษานี้เปิดเผยถึงพฤติกรรมและทัศนคติของคนเหล่านี้ในการสร้าง การเข้าถึง และการรักษาความเป็นส่วนตัวจากสมาร์ทโฟน กล้องวิดีโอ มอนิเตอร์ และอุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ

อุปกรณ์พกพาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ผู้คน กระบวนการ ข้อมูล และสิ่งต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันบน “Internet of Everything” ซึ่งมีข้อมูลที่มีมูลค่ามหาศาลและเพิ่มขึ้นในปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ


ข้อมูลสำคัญจากรายงาน Connected World ของซิสโก้

กิจวัตรแบบใหม่ยามตื่นนอนตอนเช้า: แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ และส่งข้อความคนรุ่น Gen Y ไม่ต้องการพลาดการส่งหรือโพสต์ข้อความ อีเมล์ และอัพเดตโซเชียลมีเดียบนอุปกรณ์พกพาและนั่นคือกิจวัตรเริ่มต้นวันใหม่ก่อนที่จะลุกจากเตียงนอนเสียอีก สำหรับคนรุ่นนี้ ข้อมูลจะต้องเป็นแบบเรียลไทม์ในทุกเวลา
เก้าในสิบคนจะแต่งตัว แปรงฟัน และเช็คสมาร์ทโฟนะหว่างเตรียมตัวไปโรงเรียนหรือไปทำงานในตอนเช้า

สำหรับพนักงาน ถือเป็นกิจกรรมที่มีความหมาย เพราะแสดงให้เห็นว่าบุคลากรในอนาคตจะมีความคล่องตัวมากขึ้น รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น และตอบสนองอย่างฉับไวมากกว่าคนรุ่นก่อน คนเหล่านี้ใช้ชีวิตในการเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารเป็นหลัก

ฉันและสมาร์ทโฟนของฉัน ตั้งแต่เช้าจนถึงกลางคืน คนรุ่น Gen Y จะเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในสี่คน (29 เปอร์เซ็นต์) กล่าวว่า พวกเขาเช็คสมาร์ทโฟนครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่อาจนับครั้งได้

หนึ่งในห้าคนเช็คสมาร์ทโฟนเพื่อดูอีเมล ข้อความ และอัพเดตโซเชียลมีเดียอย่างน้อยทุก 10 นาที ในสหรัฐฯ สองในห้าคนเช็คสมาร์ทโฟนอย่างน้อยทุก 10 นาที

หนึ่งในสามเช็คสมาร์ทโฟนอย่างน้อยทุก 30 นาที และในสหรัฐฯ ตัวเลขนี้อยู่ที่มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม

เชื่อมต่อหรือเสพย์ติด?

60 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y เช็คอีเมล ข้อความ และอัพเดตโซเชียลมีเดียบนสมาร์ทโฟนเนื่องจากจิตใต้สำนึกหรือแรงจูงใจ

ผู้หญิงมีแรงจูงใจในการเชื่อมต่อมากกว่า โดย 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิง เทียบกับ 63 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชาย พบว่าตนเองมีแรงจูงใจในการเช็คอีเมล์ ข้อความ และอัพเดตโซเชียลมีเดียบนสมาร์ทโฟน

กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามจะมีอาการ “ลงแดง” และ “รู้สึกกระวนกระวาย” เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต” ถ้าหากไม่สามารถเช็คสมาร์ทโฟนได้อย่างสม่ำเสมอ

ในบรรดาผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนภายใต้แรงจูงใจ พบว่า 60 เปอร์เซ็นต์ไม่อยากที่จะรู้สึกว่าตนเองถูกบังคับเช่นนั้น บุคลากรฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศมีการเชื่อมต่อเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

เกือบหนึ่งในสามของบุคลากรฝ่ายไอทีระบุว่า ตนเองตรวจเช็คสมาร์ทโฟน “อย่างต่อเนื่อง”

40 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากรฝ่ายไอทีกล่าวว่า ตนเองตรวจเช็คสมาร์ทโฟนอย่างน้อยทุก 10 นาที

สมาร์ทโฟนมีอยู่ทุกที่! มีการใช้สมาร์ทโฟนในทุกๆที่ แม้กระทั่งในสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด ความต้องการที่จะเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่องส่งผลให้เส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงาน ชีวิตส่วนตัวและครอบครัวเริ่มเลือนหาย ผู้ใช้ตรวจสอบข้อมูลอัพเดตเรื่องงานและติดต่อสื่อสารทุกชั่วโมงจากทุกๆที่ ที่จริงแล้ว เวลาจะมีลักษณะยืดหยุ่น กล่าวคือ สำหรับคนรุ่น Gen Y ไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่าง “วันทำงาน” และ “เวลาส่วนตัว” เพราะช่วงเวลาเหล่านี้จะผสมปนเปและคาบเกี่ยวกันตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

ยังมีเรื่องโรแมนติกบนเตียงบ้างหรือเปล่า? ผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก 3 ใน 4 คนใช้สมาร์ทโฟนบนเตียงนอน

อย่าลืมล้างมือ!: กว่าหนึ่งในสามใช้สมาร์ทโฟนในห้องน้ำ

ขอพื้นที่บนโต๊ะอาหาร: เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก (46 เปอร์เซ็นต์) ส่งข้อความ อีเมล และโซเชียลมีเดียระหว่างรับประทานอาหารกับครอบครัวและเพื่อนฝูง และมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามในสหรัฐฯ (56 เปอร์เซ็นต์) ใช้สมาร์ทโฟนระหว่างที่รับประทานอาหารกับผู้อื่น

ระวัง! แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่เสี่ยงต่ออันตราย แต่เกือบหนึ่งในห้าคนยอมรับว่าตนเองรับส่งข้อความขณะขับรถ

ไม่ใช่เพียงแค่ส่งหรือโพสต์ข้อความแต่เป็นการ “ปฏิวัติของแอพพลิเคชั่น”

เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามรุ่น Gen Y กล่าวว่า โมบายล์แอพพลิเคชั่นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน

มากกว่าครึ่งหนึ่งใช้โมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับเกมและความบันเทิงเป็นหลัก

อย่างไรก็ดี หนึ่งในสี่ (27 เปอร์เซ็นต์) ใช้โมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับการทำงานเป็นหลัก

คุณต้องการใช้แอพมากเท่าไร? ผู้ผลิตนำเสนอแอพพลิเคชั่นหลายพันโปรแกรมในแอพสโตร์ แต่แอพเหล่านั้นได้ถูกใช้งานจริงหรือ? ที่จริงแล้วในบรรดาแอพทั้งหมดที่ดาวน์โหลดในแต่ละวัน มีเพียงไม่กี่โปรแกรมเท่านั้นที่ถูกใช้งานอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (70 เปอร์เซ็นต์) ใช้โปรแกรมบนสมาร์ทโฟนเป็นประจำไม่ถึง 10 โปรแกรม

มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียงหนึ่งในสี่ (24 เปอร์เซ็นต์) เท่านั้นที่ใช้ 10 ถึง 25 โปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ

มิตรภาพทางออนไลน์ กับมิตรภาพส่วนบุคคล: ชุมชนออนไลน์ไร้ขีดจำกัดทางด้านภูมิศาสตร์และเขตเวลา (ไทม์โซน)?

40 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาในการเชื่อมต่อออนไลน์กับเพื่อนมากกว่าการพบปะสังสรรค์กันเป็นการส่วนตัว

สองในสามของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองใช้เวลาเท่ากันหรือมากกว่าในการติดต่อเพื่อนฝูงทางออนไลน์ เมื่อเทียบกับการพบปะพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว

ยังมีความแตกต่างระหว่างชาย-หญิง กล่าวคือ ผู้ชายทั่วโลก 38 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาพบเจอเพื่อนเป็นการส่วนตัวมากกว่าทางออนไลน์ ขณะที่สัดส่วนของผู้หญิงที่ใช้เวลาพบเจอเพื่อนเป็นการส่วนตัวมีเพียง 29 เปอร์เซ็นต์

ที่จริงแล้วคุณคือใคร? ภาพลักษณ์ด้านออนไลน์แตกต่างจากความเป็นจริงหรือไม่

การติดต่อพูดคุยทางออนไลน์ช่วยขยายโอกาสในการสร้างตัวตน ภาพลักษณ์ และบุคลิกใหม่ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็อาจเป็นรากฐานที่นำไปสู่การโกหกหลอกลวง ก็แล้วคุณจะเชื่อสิ่งที่คุณได้พบเห็นทางออนไลน์ได้มากน้อยเพียงใด?

สี่ในห้า (81 เปอร์เซ็นต์) ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าแต่ละคนมีภาพลักษณ์ออนไลน์และออฟไลน์ที่แตกต่าง

เมื่อถามเกี่ยวกับตัวเอง มีเพียง 44 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ตอบว่าภาพลักษณ์ออนไลน์ของเขาเหมือนกับภาพลักษณ์ “ออฟไลน์” ในโลกแห่งความเป็นจริง

สมาร์ทโฟนจะแทนที่แลปท็อปในสถานที่ทำงานหรือไม่?

ในหลายๆ ส่วนของโลก สมาร์ทโฟนกำลังเป็นคู่แข่งกับแลปท็อป ในฐานะอุปกรณ์ที่ยังเป็นที่ต้องการมากที่สุดสำหรับผู้ใช้อายุ 18 ถึง 30 ปี เพราะเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ที่มีขนาดกะทัดรัดมากที่สุด

หากจำเป็นต้องเลือกอุปกรณ์เพียงเครื่องเดียว หนึ่งในสามของผู้ตอบแบบสอบถามตัดสินใจเลือกสมาร์ทโฟน

สมาร์ทโฟนแซงหน้าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปในฐานะอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับสถานที่ทำงานจากมุมมองของคนทั่วโลก

สมาร์ทโฟนได้รับความนิยมมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับเดสก์ท็อปพีซี และได้รับความนิยมมากกว่าแท็บเล็ตถึงสามเท่า

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ “เชื่อมต่อตลอดเวลา” อุปกรณ์พกพาเครื่องเดียวจะรองรับการใช้งานได้อย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ส่วนบุคคลหรืออุปกรณ์ของบริษัท แต่จะก่อให้เกิดปัญหาท้าทายต่อผู้จัดการฝ่ายไอที ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องสินทรัพย์และข้อมูลของบริษัท

สองในห้าคนกล่าวว่านโยบายของบริษัทห้ามไม่ให้นำเอาอุปกรณ์ที่บริษัทออกให้ไปใช้ในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับงาน ขณะที่เกือบสามในสี่ (71 เปอร์เซ็นต์) ยอมรับว่าตนเองไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว

สองในสาม (66 เปอร์เซ็นต์) รู้สึกว่า “นายจ้างไม่ควรตรวจสอบติดตามกิจกรรมออนไลน์ของพนักงาน เพราะไม่ใช่ธุระอะไรของนายจ้าง”

บุคลากรฝ่ายไอทีทราบดีว่าพนักงานจำนวนมากไม่ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่ก็ไม่ทราบว่ามีการละเลยกฎเกณฑ์มากน้อยเพียงใด กล่าวคือ บุคลากรฝ่ายไอทีทั่วโลกกว่าครึ่งหนึ่งคิดว่าพนักงานปฏิบัติตามนโยบายเรื่องการห้ามนำเอาอุปกรณ์ของที่ทำงานไปใช้กับเรื่องส่วนตัว