วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

WD เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้ว บางที่สุดตัวแรกของโลก บางเฉียบเพียง 5 มม.

ฮาร์ดดิสก์บางเฉียบประสิทธิภาพสูงตัวแรกออกแบบเพื่ออุปกรณ์พกพาขนาดจิ๋ว โดดเด่นด้านนวัตกรรมใหม่แห่งการออกแบบเชิงกล พร้อมเทคโนโลยีโซลิดสเตทไดรฟ์แบบไฮบริด

WD บริษัทในเครือของเวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์เปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูลและผลิตภัณฑ์สำหรับการเชื่อมต่อภายในบ้านเผย วันนี้ได้ฤกษ์วางจำหน่ายฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และโซลิดสเตทไดรฟ์แบบไฮบริด (SSHD) ขนาด 2.5 นิ้วตัวแรกที่บางที่สุดในโลก ด้วยความหนาเพียง 5 มม. ซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อการผนวกรวมเข้ากับอุปกรณ์ที่บางที่สุดและสภาพแวดล้อมของคอมพิวเตอร์ที่มีการจำกัดพื้นที่ ด้วยความจุในการจัดเก็บถึง 500 GB และรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีลูกผสม (ไฮบริด) สำหรับโซลิดสเตทไดรฟ์เพื่อผลักดันประสิทธิภาพในระดับสูง สายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์ขนาดบางนี้จึงช่วยขจัดปัญหาการออกแบบระบบที่ไม่สามารถรวมข้อดีทุกอย่างไว้ได้ แต่ต้องเลือกระหว่างความจุ ขนาดทางกายภาพ หรือประสิทธิภาพการทำงาน

แมทต์ รูทัลเลดจ์ รองประธานหน่วยธุรกิจไคลเอ็นต์คอมพิวเตอร์ของ WD กล่าวว่า “ด้วยการเปิดตัวฮาร์ดดิสก์ WD Blue รุ่นใหม่ของเรา รวมถึงผลิตภัณฑ์ WD Black SSHD ที่บางมากเป็นพิเศษเพียง 5 มม. ที่ปัจจุบันได้ส่งจำหน่ายให้กับกลุ่มโออีเอ็ม แสดงให้เห็นว่า WD กำลังนำเสนอโซลูชันที่หลากหลายให้กับลูกค้าของเราที่ต้องการเพิ่มความจุในการจัดเก็บและประสิทธิภาพเชิงปริมาตร รวมถึงประสิทธิภาพการทำงานและการตอบสนองของระบบในระดับสูงสุดสำหรับผู้บริโภค” และเสริมว่า “ทีมวิศวกรรมของเราได้ใช้วิธีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับฮาร์ดดิสก์ความบาง 5 มม. รุ่นนี้เพื่อส่งมอบฮาร์ดดิสก์ที่มีความบางมากเป็นพิเศษที่สามารถสร้างโลกแห่งความเป็นไปได้และโลกแห่งแอพพลิเคชันสำหรับคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และอุปกรณ์อื่นๆ”



ทั้งนี้ WD ได้ออกแบบฮาร์ดดิสก์ WD Blue และ WD Black ตัวใหม่ความบาง 5 มม. เพื่อยกระดับใหม่ของความสามารถในการใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น ฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่นี้ออกแบบขึ้นเพื่อเพิ่มความจุในการจัดเก็บข้อมูลภายใน ขณะเดียวกันก็สามารถใส่ไว้ในช่องอุปกรณ์ขนาดเล็กได้อย่างพอดี แต่ยิ่งมีความบางและสามารถใช้งานกับอุปกรณ์อื่นได้มากเท่าไหร่ ฮาร์ดดิสก์ก็ยิ่งเสี่ยงต่อความกังวลที่เกิดจากผู้ใช้มากขึ้นเท่านั้น และเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว WD จึงได้ออกแบบตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับฮาร์ดดิสก์ความบาง 5 มม. นี้ ซึ่งประกอบด้วย


  • รูปทรงขนาดบางมากเป็นพิเศษ – ด้วยความบางเพียง 5 มม.พร้อมคอนเน็คเตอร์ขนาดกะทัดรัด จึงเป็นการมอบอิสระในระดับที่มากขึ้นในการออกแบบโครงสำหรับผู้ออกแบบระบบ รูปทรงขนาดบางเฉียบเป็นพิเศษนี้จะช่วยลดน้ำหนักได้สูงสุดถึง 36% เมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์มาตรฐานความบาง 9.5 มม.
  • ระบบป้องกันเสียงและการสั่นสะเทือนที่ดีที่สุด – ระบบป้องกันเสียงที่ดีที่สุดของ WD ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดเสียงรบกวนเมื่อฮาร์ดดิสก์ทำงานอยู่หรือไม่ได้ใช้งาน ฮาร์ดดิสก์ WD Blue และ WD Black ความบาง 5 มม. มอบประสิทธิภาพการทำงานชั้นยอดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยอัตราการรองรับแรงสั่นสะเทือนในขณะที่ไดรฟ์ทำงานอยู่และไม่ได้ทำงานสูงสุดที่ระดับ 400 G และ 1000G ตามลำดับ
  • เทคโนโลยี Edge Card – WD ออกแบบคอนเน็คเตอร์และแผงวงจรโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการทำโทรศัพท์มือถือให้มีขนาดเล็กลงมา เพื่อเพิ่มพื้นที่การแกว่งในทางกลในระดับสูงสุดในฮาร์ดดิสก์ และรับประกันประสิทธิภาพในการป้องกันการกระแทก
  • คอนเน็คเตอร์ Edge Card – ฮาร์ดดิสก์ WD Blue ความบาง 5 มม. ยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชันแรกของรูปทรงขนาดเล็กแบบใหม่ของคอนเน็คเตอร์ SFF-8784 edge ซึ่งคอนเน็คเตอร์นี้จะรับกำลังไฟจากและประสานเข้ากับบัส I/O ที่เป็นโฮสต์ผ่านคอนเน็คเตอร์ SFF-8784 ที่ใช้อินเตอร์เฟสแบบ SATA
  • StableTrac - เพลาของมอเตอร์จะได้รับการติดตั้งไว้อย่างแน่นหนาที่ปลายทั้งสองด้านเพื่อลดการสั่นสะเทือนของระบบและเสริมความมีเสถียรให้กับแพลตเตอร์ ทำให้การติดตามข้อมูลระหว่างการอ่านและเขียนข้อมูลมีความแม่นยำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • เทคโนโลยี Dual Stage Actuator – ระบบกำหนดตำแหน่งหัวอ่านแบบสองชั้นที่ล้ำหน้าที่สุด มีตัวควบคุมสองตัวที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับการกำหนดตำแหน่งบนแทร็กข้อมูล ตัวควบคุมหลักจะทำหน้าที่กำหนดตำแหน่งคร่าวๆ โดยใช้วิธีการควบคุมตำแหน่งด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าแบบดั้งเดิม ตัวควบคุมตัวที่สองใช้ระบบเพียโซอิเล็กทริกโมชั่นเพื่อปรับตำแหน่งของหัวอ่านโดยละเอียดเพื่อความแม่นยำที่ละเอียดกว่าอีกขั้น

ราคาและการวางจำหน่าย สินค้าใหม่พร้อมวางจำหน่ายแล้วผ่านตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งและลูกค้ากลุ่ม OEM ในรุ่นความจุ 500GB โดยฮาร์ดดิสก์ WD Blue 2.5 นิ้ว (model: WD5000MPCK) ราคาแนะนำที่ 2,999 บาท สินค้ารับประกันสองปีสำหรับ WD Black SSHD กำลังจัดส่งไปยังกลุ่ม OEM และผู้ติดตั้งที่ผนวกรวมเทคโนโลยีไฮบริดของ WD และเทคโนโลยีมาตรฐานอุตสาหกรรม SATA I/O ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.wd.com/en/products/products.aspx?id=800#tab11.

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

HP เผยเซิร์ฟเวอร์ตระกูลใหม่ HP Moonshot

HP เผยเซิร์ฟเวอร์ตระกูลใหม่ HP Moonshot รองรับการเติบโตของบิ๊กดาต้า, โซเชี่ยล มีเดีย, โมบายล์ คอนเท้นต์ และคลาวด์ เซิร์ฟเวอร์ที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่ออกแบบพิเศษเพื่อดาต้าเซ็นเตอร์ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เอชพี เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์เชิงพาณิชย์ตระกูลใหม่ครั้งแรกของโลก ภายใต้ระบบ HP Moonshot ซึ่งออกแบบมาให้สอดคล้องกับข้อบังคับเศรษฐศาสตร์โครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure economics) ใหม่ โดย ใช้พลังงานลดลงมากถึงร้อยละ 89 ใช้พื้นที่ลดลงร้อยละ 80 และลดต้นทุนลงได้ถึง ร้อยละ 77 เมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์รุ่นเดิมๆ (1)

ในปัจจุบัน ดาต้าเซ็นเตอร์ต่างๆ มีขนาดมหาศาลมากจนเกือบจะเกินจุดที่การขยายตัวในอนาคตจะรองรับได้ เนื่องมาจากสาเหตุทางด้านข้อจำกัดด้านเศรษฐศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot จะเป็นก้าวแรกที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถขจัดข้อจำกัดต่างๆ นี้ออกไปได้

เมก วิทแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอชพี กล่าวว่า “ปัจจุบัน เรามาถึงจุดที่ความต้องการด้านต่างๆ ของเทคโนโลยีแบบเดิมไม่ว่าจะเป็นด้านพื้นที่ การใช้ไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายมีไม่เพียงพอที่จะรองรับจำนวนอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตที่คาดว่ามีสูงกว่า 10,000 ล้านเครื่อง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ดังนั้น เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot จึงเป็นการเริ่มต้นของไอทีรูปแบบใหม่ที่จะมาเปลี่ยนเศรษฐศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานเพื่อเป็นรากฐานรองรับอุปกรณ์จำนวนกว่า 20,000 ล้านเครื่องในอนาคต”



นวัตกรรมจากเอชพี ช่วยลดการใช้พลังงาน พื้นที่ และต้นทุนเอชพี ขึ้นแท่นเป็นผู้นำในการกำหนดแพลทฟอร์มของระบบคอมพิวติ้งรุ่นใหม่มาเป็นระยะเวลาหลายทศวรรษ โดยเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว เอชพีได้ประกาศความสำเร็จในการจำหน่ายเซิร์ฟเวอร์ตระกูล UNIX เป็นครั้งแรก รุ่น HP 9000 Series 840 และเซิร์ฟเวอร์ HP SystemPro ซึ่งเป็นเวิร์ฟเวอร์ตระกูล x86 รุ่นแรก และอีก 10 ปีถัดมา เอชพีเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่ได้รับสิทธิบัตรสถาปัตยกรรม เบลดเซิร์ฟเวอร์ โดยเอชพีสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดเซิร์ฟเวอร์ตระกูล x86 ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา (2)

เอชพี มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและยกระดับขอบเขตของเทคโนโลยีเพื่อปูทางไปสู่เซิร์ฟเวอร์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ (software defined servers) เป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ตรงตามความต้องการของการทำงานด้านต่างๆ ทั้งนี้ เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot ถูกพัฒนาขึ้นบนทรัพย์สินทางปัญญาด้านเซิร์ฟเวอร์ชั้นนำของเอชพี ต่อยอดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกว่า 10 ปีจากห้องปฏิบัติการ HP Labs พร้อมทีมพัฒนาซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot อัดแน่นด้วยพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญทั้งทางด้านพลังงาน พื้นที่ ราคา และความสะดวกสบายและง่ายในการใช้งานออกแบบสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ สร้างสรรค์เพื่อโลกในยุคอนาคต

เซิร์ฟเวอร์ภายใต้ระบบ HP Moonshot ใหม่ล่าสุดนี้เป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นที่ 2 จากโครงการ Moonshot ของเอชพี เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายต่างๆ ของระบบไอทีซึ่งเกิดจากการเติบโตของโซเชี่ยล มีเดีย, คลาวด์, โมบายล์ คอนเท้นต์ และบิ๊กดาต้า ทั้งนี้ เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot ติดตั้งชิปที่มีลักษณะเดียวกับที่ใช้ในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ใหม่นี้สามารถลดการใช้พลังงาน และใช้พื้นที่ได้อย่างมีความหนาแน่นสูง จึงช่วยลดต้นทุนได้เป็นอย่างมาก

เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot รุ่นใหม่ ประกอบด้วย เซิร์ฟเวอร์ HP Moonshot 1500 enclosure และเซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant Moonshot ที่มาพร้อมแอพพลิเคชั่น โดยสามารถทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลที่หลากหลายจากพาร์ทเนอร์รายต่างๆ ของเอชพี เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานเฉพาะทางด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี



เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Moonshot รองรับจำนวนเซิร์ฟเวอร์ได้มากถึง 1,800 เครื่อง/แร็ค จึงใช้พื้นที่เพียง 1 ใน 8 ของเซิร์ฟเวอร์รุ่นเดิม ช่วยขจัดปัญหาด้านการใช้พื้นที่ของดาต้าเซ็นเตอร์ได้เป็นอย่างดี (3) โดยแต่ละแชสซี สามารถใช้ส่วนประกอบดั้งเดิมต่างๆ ร่วมกันได้ อาทิ แฟบริค ระบบจัดการ HP Integrated Light-Out (iLo) แหล่งจ่ายไฟ และพัดลมความเย็น เป็นต้น ซึ่งส่วนประกอบที่ใช้งานร่วมกันเหล่านี้จะช่วยลดความซับซ้อน อีกทั้งยังลดการใช้พลังงานและพื้นที่ได้อีกด้วย

เซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant Moonshot รุ่นแรกนี้มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Intel® Atom S1200 สามารถรองรับการทำงานเป็นเว็บ โฮสติ้ง นอกจากนี้ เซิร์ฟเวอร์ HP Moonshot 1500 enclosure ขนาด 4.3u ติดตั้งอุปกรณ์มาพร้อมครบถ้วน ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์อินเทล 45 เครื่อง เน็ตเวิร์คสวิตช์ 1 ตัว และอุปกรณ์สนับสนุนต่างๆ

ขับเคลื่อนอีโคซิสเต็มด้วยเทคโนโลยีจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำในอุตสาหกรรม
เอชพียังเผยถึงโร้ดแมปสำหรับเซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant Moonshot ที่สามารถรองรับการทำงานสูงสุด โดยทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลจากพาร์ทเนอร์ต่างๆ ของเอชพี อาทิ AMD, AppliedMicro, Calxeda, Intel และ Texas Instruments Incorporated

เซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant monshot รุ่นใหม่นี้มีกำหนดจะเปิดตัวในครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยสามารถรองรับการเติบโตของเว็บ คลาวด์ และสภาพแวดล้อมที่มีการปรับขยายอย่างมาก ตลอดจนการวิเคราะห์ และระบบการสื่อสารต่างๆ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ในอนาคตจะต้องมีความพร้อมในการรองรับบิ๊กดาต้า ระบบคอมพิวติ้งประสิทธิภาพสูง (high-performance computing) เกม บริการด้านการเงิน จีโนมิกส์ (genomics) การจดจำหน้าตา (facial recognition) การวิเคราะห์วิดีโอ และแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมาย

มร. คริส ฮิล ประธานวิศวกรวิจัย สถาบัน Massachusetts Institute of Technology (MIT) และประธานร่วม Research and Education Subcommittee, Massachusetts Green High Performance Computing กล่าวว่า “เราต้องการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีจากบริษัทชั้นนำอย่างเช่นเอชพี เพื่อช่วยแก้ปัญหาการใช้พลังงานอย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการวิเคราะห์ประมวลผล เพื่อช่วยการทำงานของบริษัทวิจัยธรณีศาสตร์ชั้นนำระดับโลก ทั้งนี้ HP Moonshot เป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าโครงสร้างพื้นฐานของเราจะมีความสามารถในการขยายตัวเพื่อรองรับความต้องการพื้นฐานต่างๆ ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องใช้พลังงานน้อย มีการใช้พื้นที่น้อย ทำงานแบบผนวกรวมได้มากขึ้น และมีต้นทุนต่ำ”

หน่วยงาน HP Information Technology ได้ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ HP Moonshot เพื่อสนับสนุนสภาพแวดล้อมการทำงานของเว็บไซต์ hp.com โดยมีผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมประมาณ 3 ล้านคนต่อวัน มร. จอห์น ฮินชอว์ รองประธานด้านเทคโนโลยีและโอเปอเรชั่น เอชพี กล่าวว่า “ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า เราสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์ HP Moonshot รองรับ การทำงานของเว็บไซต์ hp.com โดยใช้พลังงานเทียบเท่ากับหลอดไฟกำลัง 60 วัตต์ จำนวน 12 ดวงเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมเลยทีเดียว เรารู้สึกตื่นเต้นกับผลการทดลองและแผนการใช้เซิร์ฟเวอร์ HP Moonshot เพื่อรองรับแอพพลิเคชั่นเสริมต่างๆ โดยจะนำไปสู่การปรับทัพของดาต้าเซ็นเตอร์ในยุคอนาคต”

นำเสนอบริการต่างๆ สำหรับระบบคอมพิวติ้งที่สามารถปรับขยายได้เต็มที่ในยุคอนาคต เอชพี ยังได้นำเสนอโปรแกรมเสริมสำหรับพันธมิตร และบริการใหม่ๆ ที่ช่วยเร่งให้เกิดการต่อยอดนวัตกรรมจากเซิร์ฟเวอร์ตระกูลใหม่นี้ ได้แก่

HP Pathfinder Innovation Ecosystem – ประกอบด้วยผู้ค้า นักพัฒนาระบบปฏิบัติการ และผู้ค้าซอฟต์แวร์อิสระ (ISVs) กว่า 25 ราย ที่มีบทบาทในการเร่งพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ใหม่เพื่อสนับสนุนการทำงานที่แตกต่างกันไป

HP Moonshot Concierge Services – หน่วยงาน HP Discovery Labs และ HP Technology Services นำเสนอโซลูชั่นสนับสนุนและให้คำปรึกษา ในการปรับย้ายแพลทฟอร์มและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HP Moonshot สามารถดูได้ที่ TheDisruption.com หรือวิดีโอข่าวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ที่ HP Moonshot video news release

(1) According to internal HP engineering that compares HP Moonshot servers with traditional x86 server technology. (2) “IDC WW Q412 Worldwide Quarterly Server Tracker,” March 18, 2013. (3) Based on internal HP Lab research and comparative analyses.

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

BlackBerry Z10 เริ่มวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ 24 เมษายนนี้

BlackBerry Z10 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมสุดยอดระบบปฏิบัติการแบล็คเบอร์รี่ 10 – ปรากฏการณ์ใหม่แห่งดีไซน์และนวัตกรรมของแบล็คเบอร์รี่แพลตฟอร์ม จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2556 ที่แบล็คเบอร์รี่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ เซ็นเตอร์ (BlackBerry Experience Center) ชั้น 2 สยามเซ็นเตอร์ รวมทั้งผ่านทางผู้ให้บริการเครือข่ายเอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ และพันธมิตรร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูที่ http://th.blackberry.com/



พบกิจกรรมพิเศษฉลองการวางจำหน่ายวันแรก ที่ Z10 Activation Zone ชั้น 1 สยามพารากอน เพื่อฉลองการวางจำหน่ายวันแรกของแบล็คเบอร์รี่ Z10 สมาร์ทโฟน แบล็คเบอร์รี่ จับมือพันธมิตรผู้ให้บริการเครือข่ายเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายเจย์มาร์ท ทีจีโฟน และพีเอ็มเทเลคอม ขอเชิญชวนผู้บริโภคแวะมาร่วมสัมผัสประสบการณ์แบล็คเบอร์รี่ Z10 ได้ที่บริเวณ Z10 Activation Zone ณ ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน วันพุธที่ 24 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลา 12.15 น. ถึงเวลา 16.30 น. พร้อมพบกับโปรโมชั่นสุดคุ้มมากมาย รวมทั้งร่วมสนุกกับกิจกรรมและเกมส์ลุ้นรับของรางวัลอีกจำนวนมาก



สำหรับลูกค้าที่ซื้อแบล็คเบอร์รี่ Z10 สมาร์ทโฟนภายในงาน รับฟรี แฟลชไดรฟ์ Z10 และที่ชาร์จแบตสำรอง Power Bank นอกจากนี้ ลูกค้ายังมีโอกาสได้เลือกซื้อสินค้าแบล็คเบอร์รี่หลากหลายรุ่น ที่มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษแบบสุดคุ้มจากทางแบล็คเบอร์รี่ และพันธมิตรที่มาร่วมออกงาน

พร้อมกันนี้ แบล็คเบอร์รี่ จับมือ เกมส์ลอฟท์ (Gameloft) ผู้นำด้านดิจิตอลและโซเชี่ยลเกมส์ แจกฟรีเกมส์บนมือถือ N.O.V.A. 3 และ Asphalt 7: Heat มูลค่าสูงสุดกว่า 350 บาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อ แบล็คเบอร์รี่ Z10 ซึ่งจะสามารถดาวน์โหลดได้ทาง BlackBerry® World™ ตั้งแต่วันที่ 24

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

IT CITY จัดมหกรรมงาน Computer and Notebook Expo 2013

รายงานข่าวจากบริษัทไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) เมืองเทคโนโลยีครบวงจร เปิดเผยว่าไอที ซิตี้จัดมหกรรมงาน Computer and Notebook Expo 2013 ครั้งใหญ่ประจำปี 2556 พร้อมกันทั้ง 61 สาขาทั่วประเทศ สำหรับแฟนพันธุ์แท้คนรักคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ก ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2556 ภายใต้ค็อนเซ็ป “ ช็อป ฉ่ำ ชิลล์ ”ภายในงานพบกับโปรโมชั่นพิเศษจากคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กแบรนด์ดังชั้นนำของประเทศไทย อาทิ เอเซอร์ โตชิบา ซัมซุง ฟูจิตสึ เดลล์ ฯลฯ ลดราคาสุดพิเศษ สูงสุดกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ แถมผ่อนสบาย ๆ 0 เปอร์เซ็นต์นานถึง 12 เดือน พร้อมรับของแถมต่างๆ อีกมากมาย พิเศษสุดๆ กับกิจกรรมโรดโชว์ขึ้นที่ลานกิจกรรม ชั้น 1 พันธุ์ทิพย์พลาซ่าประตูน้ำ ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่ 2 พฤษภาคม 2556 เพื่อให้ลูกค้าได้ร่วมกิจกรรมและเดินชมสินค้าทั่วทุกบูธ



สำหรับสินค้าไอที ที่นำมาเป็นไฮไลน์มาลดราคาประกอบด้วย โน้ตบุ๊ก Acer รุ่น AspineE1-471g -32344G50 Mnks Glossy Black ราคาปกติ จากเดิม 13,900 บาท ลดพิเศษเหลือเพียง 12,900 บาท แถมฟรี Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท , โน้ตบุ๊ก ASUS รุ่น A 45 DR – VX050D ราคาปกติ จากเดิม 15,900 บาท ลดพิเศษเหลือเพียง 13,900 บาท แถมฟรี Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท, โน้ตบุ๊ก HP รุ่น 14-b010TX/14-b010TX Slim G4 ลดราคาพิเศษ พร้อมแถมฟรี External DVD มูลค่า 1,990 บาท และ Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท, โน้ตบุ๊ก HP รุ่น G4 -1309 AU ราคาพิเศษ 9,900 บาท แถมฟรี Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท,โน้ตบุ๊ก Lenovo รุ่น G480 -59364742 ราคาปกติ จากเดิม 15,990 บาท ลดพิเศษเหลือเพียง 14,490 บาท แถมฟรี Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท และ โน้ตบุ๊ก SAMSUNG รุ่น NP370R4V – S01TH (Body White) ราคาปกติ จากเดิม 19,990 บาท ลดพิเศษเหลือเพียง 17,900 บาท แถมฟรี RAM 8 GB+USB 8 GB มูลค่า 3,690 บาท และ Mouse Wireless มูลค่า 420 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ไอที ซิตี้ คอลล์ เซ็นเตอร์ 0-2656-5030 หรือ คลิกเข้าไปที่ www.itcity.co.th หรือ www.facebook.com/itcityfanspage

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

ASUS ยกขบวน MortherBoard ไซส์เล็ก เอาใจคอ D.I.Y

ASUS ยกขบวนมาเธอร์บอร์ดไซส์เล็ก เอาใจคอ D.I.Y. เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าเพื่อการประกอบพีซีด้านความบันเทิงประสิทธิภาพสูง

ไลน์ผลิตภัณฑ์มาเธอร์บอร์ดMicroATXใหม่จากเอซุส มาพร้อมซีพียูและกราฟฟิกส์การ์ดในตัว พ่วงเทคโนโลยี USB 3.0 Boostให้ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อแรงเต็ม

“เอซุส” (ASUS) ผู้ผลิตมาเธอร์บอร์ดที่มียอดขายและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลกเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์มาเธอร์บอร์ดคุณภาพเยี่ยมในขนาดกระทัดรัดอย่างMicroATXสำหรับโปรเซสเซอร์ทั้งจากค่ายIntel®และ AMDมาพร้อมกราฟฟิกส์การ์ดคุณภาพเยี่ยมในตัว โดดเด่นด้วยพอร์ตต่อเชื่อมแบบHDMI และDVI และพอร์ต USB 3.0 ที่ใช้เทคโนโลยีทะยานประสิทธิภาพให้เร็วยิ่งขึ้นกับUSB 3.0Boostลิขสิทธิ์เฉพาะจากเอซุส และเมื่อไม่จำเป็นต้องซื้อกราฟฟิกส์การ์ดมาใส่เพิ่ม เป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ที่ต้องการความประหยัดพร้อมกับคุ้มค่ามากกว่าจากมาเธอร์บอร์ดรุ่นใหม่ของเอซุส ในการนำมาประกอบเดสก์ท็อปพีซีเพื่อการใช้งานด้านความบันเทิงภายในบ้านที่ได้ประโยชน์เต็มๆจากเนื้อที่บนสตอเรจของUSB3.0

ซีพียูพร้อมกราฟฟิกส์การ์ดคุณภาพสูงในตัว พร้อมพอร์ตเชื่อมต่อHDMIและDVI แบบออนบอร์ด มาเธอร์บอร์ดเอซุสรุ่นล่าสุดที่ใช้ซีพียู Intel® 22nm มาพร้อมกราฟฟิกส์การ์ดที่ใช้ชิพ Intel® HD 4000 แบบในตัว ในขณะที่มาเธอร์บอร์ดรุ่น AMD Socket FM2 Athlon™ และ A-Series APUs มีกราฟฟิกส์การ์ด AMD HD 7000Series ที่ล้วนแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพในการประมวลผลกราฟฟิกส์ทั้งแบบ 2 และ 3 มิติ เป็นไปอย่างราบลื่น คมชัด สมจริง โดยไม่จำเป็นต้องซื้อกราฟฟิกส์การ์ดมาใส่เพิ่ม เอื้อประโยชน์ด้านต้นทุนที่ต่ำลงในการประกอบเดสก์ท็อปพีซีเครื่องใหม่

ไลน์ผลิตภัณฑ์มาเธอร์บอร์ด MicroATXใหม่จากเอซุสสามารถรองรับฟีเจอร์จากกราฟฟิกส์การ์ดออนบอร์ดทั้งจากIntel® และ AMD มาเธอร์บอร์ดแต่ละรุ่นยังมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อทั้งแบบ HDMI สำหรับการใช้งานกับHDTV และแบบ DVI สำหรับการเชื่อมต่อเข้าสู่จอแสดงภาพของเดสก์ท็อปพีซี มาเธอร์บอร์ดรุ่น ASUS B75M-A, ASUS H61M-PLUS, ASUS H61M-A/USB3 และ ASUS H61M-A ล้วนเป็นมาเธอร์บอร์ดฉบับจิ๋วที่ได้รับการดีไซน์มาให้ทำงานเข้ากับโปรเซสเซอร์ของ Intel® ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่รุ่น ASUS A85XM-A, ASUS A55M-A/USB3 และ ASUS A55M-A เป็นบอร์ดที่ใช้AMD APUs และด้วยรูปลักษณ์ที่บางกระทัดรัดในแบบฉบับของ MicroATXทำให้มาเธอร์บอร์ดรุ่นใหม่จากเอซุสเหล่านี้สามารถระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการใช้ประกอบเดสก์ท็อปพีซีขนาดเล็กรวมถึงพีซีเพื่อความบันเทิงภายในบ้าน




เชื่อมต่อข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น! ด้วยเทคโนโลยี USB 3.0 Boost ลิขสิทธิ์เฉพาะเอซุส โดยทั่วไปแล้ว เทคโนโลยี USB 3.0 จะให้ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลมากกว่า USB 2.0 อยู่ประมาณ 10 เท่า แต่ด้วยเทคโนโลยี ASUS USB 3.0 Boost ลิขสิทธิ์เฉพาะจากเอซุส ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลและเดต้าต่างๆ ผ่านมาเธอร์บอร์ด MicroATXใหม่นี้จะเร็วยิ่งขึ้นไปอีกถึง 1.7 เท่าของความเร็วในการส่งข้อมูลผ่าน USB 3.0 ทั่วไป!

เทคโนโลยี ASUS USB 3.0 Boost นี้ใช้ระบบมาตรฐานในการโอนถ่ายข้อมูลที่เรียกว่า USB Attached SCSI Protocol (UASP) เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับส่ง ถ่ายโอน และจัดการช่องทางของจำนวนข้อมูลผ่านการใช้ช่องทางหรือแชนแนลหลายๆ ช่องทางพร้อมๆ กันแทนที่จะใช้เพียงช่องทางเดียวที่ใช้ในการส่งข้อมูลผ่าน USB 3.0 ทั่วไป วิธีการนี้ช่วยให้ระบบ ASUS USB 3.0 Boost สามารถใช้จำนวนแบนวิธทั้งหมดของการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 ได้ จึงช่วยให้ประหยัดเวลา

ในการส่งข้อมูลที่เป็นไฟล์ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังปรับปรุงความลื่นไหลของการสตรีมวิดีโอที่ความละเอียดระดับเอชดี โดยระบบ UASP นี้ จะต้องใช้กับไดร้ฟว์ที่สามารถรองรับ UASP หรือ UASP-Enabled Drive เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากความสามารถของอุปกรณ์ แต่หากผู้ใช้ไม่มีอุปกรณ์ที่รองรับ UASP ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้โหมด Turbo เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วจากอุปกรณ์ใดๆ ก็ได้ผ่านการใช้ USB 3.0

เทคโนโลยี ASUS USB 3.0 Boost เป็นฟีเจอร์มาตรฐานในมาเธอร์บอร์ด MicroATXรุ่น ASUS B75M-A, ASUS H61M-PLUS และ ASUS H61M-A/USB3ทั้งแบบที่ใช้ชิพ Intel® และชิพ AMD ในรุ่น ASUS A85XM-A ASUS และ A55M-A/USB3 นอกจากนี้ พอร์ตออนบอร์ดแบบ HDMI/DVI และเทคโนโลยี USB 3.0 Boost นี้ยังเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของ มาเธอร์บอร์ดขนาด ATX รุ่นใหม่ ASUS Z77-A ที่ใช้ชิพจาก Intel® อีกด้วย

ใช้วัสดุคุณภาพเยี่ยมเพื่อการใช้งานที่คงทนยาวนานและคุ้มค่า มาเธอร์บอร์ดเพื่อการใช้งานด้านความบันเทิงภายในบ้านจากเอซุสล้วนใช้โซลิต คาปาซิเตอร์คุณภาพสูงที่ได้รับการรับรองในวงการอุตสาหกรรมแล้วว่ามีอายุการใช้งานยาวนานถึง 5,000 ชั่วโมงที่อุณหภูมิความร้อน 105 องสาเซลเซียส ซึงถือว่ายาวนานกว่าคาปาซิเตอร์แบบทั่วไปถึง 2.5 เท่า โดยคาปาซิเตอร์เหล่านี้มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทสญี่ปุ่น ผ่านการทดสอบแล้วว่าให้ความทนทานแม้ในสภาพการใช้งานที่อุณหภูมิสูง และหากมีการใช้งานโดยเฉลี่ยในระดับอุณหภูมิไม่เกิน 65 องศาเซลเซียส จะมีอายุการใช้งานต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 50 ปีเลยทีเดียว มาเธอร์บอร์ดเอซุส ทุกรุ่นยังใช้วัสดุหลักเป็นสแตนเลสสตีลที่ชุบด้วยโครเมี่ยมอ็อกไซด์ในส่วนด้านข้างที่เป็นพอร์ตต่อเชื่อมเพื่อป้องกันการเกิดสนิมและยืดอายุการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

Cisco เผยผลการศึกษา Gen Y ทั่วโลกเช็คสมาร์ทโฟนก่อนลุกจากเตียง

ซิสโก้เผยผลการศึกษา 90 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y ทั่วโลกเช็คสมาร์ทโฟนเพื่อดูข่าวคราวและโซเชียลมีเดีย ก่อนลุกจากเตียง แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ และโพสต์ข้อความ กลายเป็นกิจวัตรยามเช้าของคน Gen Y ชี้ต้องการเชื่อมต่อตลอดเวลา ตั้งแต่ทำงาน ช้อปปิ้ง โซเชียลกับเพื่อนฝูงและครอบครัว

เวลา 6 โมงเช้า นาฬิกาปลุกของคุณส่งเสียงดัง คุณลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย บิดขี้เกียจ และอ้าปากหาว ถึงเวลาที่คุณจะต้องเตรียมตัวไปโรงเรียนหรือไปทำงาน แล้วคุณจะทำอะไรเป็นลำดับถัดไป? แต่งตัว? อาบน้ำ? แปรงฟัน?

ตามรายงานเทคโนโลยี Connected World ของซิสโก้ (Cisco® Connected World Technology Report - CCWTR) ระบุว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y ทั่วโลกที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาเช็คสมาร์ทโฟนเพื่อดูข่าวคราวอัพเดตในอีเมล ข้อความ และโซเชียลมีเดีย ก่อนที่จะลุกจากเตียง ขณะที่ประเทศไทยสูงถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ร่างกายของมนุษย์เรามีกระดูกทั้งหมด 206 ชิ้น และสมาร์ทโฟนอาจเปรียบได้กับกระดูกชิ้นที่ 207 สำหรับคนรุ่น Gen Y ผู้ตอบแบบสอบถามสองในห้าคนระบุว่าพวกเขา “รู้สึกกระวนกระวาย เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต” ถ้าไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเชื่อมต่อทุกที่ทุกเวลา InsightExpress ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาและคนทำงานอายุ 18 ถึง 30 ปี จำนวน 1,800 คนใน 18 ประเทศ โดยมุ่งศึกษาพฤติกรรมของคนรุ่น Gen Y ในการใช้อินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์พกพาเพื่อเชื่อมต่อโลก ผลการศึกษานี้เปิดเผยถึงพฤติกรรมและทัศนคติของคนเหล่านี้ในการสร้าง การเข้าถึง และการรักษาความเป็นส่วนตัวจากสมาร์ทโฟน กล้องวิดีโอ มอนิเตอร์ และอุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ

อุปกรณ์พกพาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ผู้คน กระบวนการ ข้อมูล และสิ่งต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันบน “Internet of Everything” ซึ่งมีข้อมูลที่มีมูลค่ามหาศาลและเพิ่มขึ้นในปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ


ข้อมูลสำคัญจากรายงาน Connected World ของซิสโก้

กิจวัตรแบบใหม่ยามตื่นนอนตอนเช้า: แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ และส่งข้อความคนรุ่น Gen Y ไม่ต้องการพลาดการส่งหรือโพสต์ข้อความ อีเมล์ และอัพเดตโซเชียลมีเดียบนอุปกรณ์พกพาและนั่นคือกิจวัตรเริ่มต้นวันใหม่ก่อนที่จะลุกจากเตียงนอนเสียอีก สำหรับคนรุ่นนี้ ข้อมูลจะต้องเป็นแบบเรียลไทม์ในทุกเวลา
เก้าในสิบคนจะแต่งตัว แปรงฟัน และเช็คสมาร์ทโฟนะหว่างเตรียมตัวไปโรงเรียนหรือไปทำงานในตอนเช้า

สำหรับพนักงาน ถือเป็นกิจกรรมที่มีความหมาย เพราะแสดงให้เห็นว่าบุคลากรในอนาคตจะมีความคล่องตัวมากขึ้น รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น และตอบสนองอย่างฉับไวมากกว่าคนรุ่นก่อน คนเหล่านี้ใช้ชีวิตในการเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารเป็นหลัก

ฉันและสมาร์ทโฟนของฉัน ตั้งแต่เช้าจนถึงกลางคืน คนรุ่น Gen Y จะเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในสี่คน (29 เปอร์เซ็นต์) กล่าวว่า พวกเขาเช็คสมาร์ทโฟนครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่อาจนับครั้งได้

หนึ่งในห้าคนเช็คสมาร์ทโฟนเพื่อดูอีเมล ข้อความ และอัพเดตโซเชียลมีเดียอย่างน้อยทุก 10 นาที ในสหรัฐฯ สองในห้าคนเช็คสมาร์ทโฟนอย่างน้อยทุก 10 นาที

หนึ่งในสามเช็คสมาร์ทโฟนอย่างน้อยทุก 30 นาที และในสหรัฐฯ ตัวเลขนี้อยู่ที่มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม

เชื่อมต่อหรือเสพย์ติด?

60 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen Y เช็คอีเมล ข้อความ และอัพเดตโซเชียลมีเดียบนสมาร์ทโฟนเนื่องจากจิตใต้สำนึกหรือแรงจูงใจ

ผู้หญิงมีแรงจูงใจในการเชื่อมต่อมากกว่า โดย 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิง เทียบกับ 63 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชาย พบว่าตนเองมีแรงจูงใจในการเช็คอีเมล์ ข้อความ และอัพเดตโซเชียลมีเดียบนสมาร์ทโฟน

กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามจะมีอาการ “ลงแดง” และ “รู้สึกกระวนกระวาย” เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต” ถ้าหากไม่สามารถเช็คสมาร์ทโฟนได้อย่างสม่ำเสมอ

ในบรรดาผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนภายใต้แรงจูงใจ พบว่า 60 เปอร์เซ็นต์ไม่อยากที่จะรู้สึกว่าตนเองถูกบังคับเช่นนั้น บุคลากรฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศมีการเชื่อมต่อเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

เกือบหนึ่งในสามของบุคลากรฝ่ายไอทีระบุว่า ตนเองตรวจเช็คสมาร์ทโฟน “อย่างต่อเนื่อง”

40 เปอร์เซ็นต์ของบุคลากรฝ่ายไอทีกล่าวว่า ตนเองตรวจเช็คสมาร์ทโฟนอย่างน้อยทุก 10 นาที

สมาร์ทโฟนมีอยู่ทุกที่! มีการใช้สมาร์ทโฟนในทุกๆที่ แม้กระทั่งในสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด ความต้องการที่จะเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่องส่งผลให้เส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงาน ชีวิตส่วนตัวและครอบครัวเริ่มเลือนหาย ผู้ใช้ตรวจสอบข้อมูลอัพเดตเรื่องงานและติดต่อสื่อสารทุกชั่วโมงจากทุกๆที่ ที่จริงแล้ว เวลาจะมีลักษณะยืดหยุ่น กล่าวคือ สำหรับคนรุ่น Gen Y ไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่าง “วันทำงาน” และ “เวลาส่วนตัว” เพราะช่วงเวลาเหล่านี้จะผสมปนเปและคาบเกี่ยวกันตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

ยังมีเรื่องโรแมนติกบนเตียงบ้างหรือเปล่า? ผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก 3 ใน 4 คนใช้สมาร์ทโฟนบนเตียงนอน

อย่าลืมล้างมือ!: กว่าหนึ่งในสามใช้สมาร์ทโฟนในห้องน้ำ

ขอพื้นที่บนโต๊ะอาหาร: เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก (46 เปอร์เซ็นต์) ส่งข้อความ อีเมล และโซเชียลมีเดียระหว่างรับประทานอาหารกับครอบครัวและเพื่อนฝูง และมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามในสหรัฐฯ (56 เปอร์เซ็นต์) ใช้สมาร์ทโฟนระหว่างที่รับประทานอาหารกับผู้อื่น

ระวัง! แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่เสี่ยงต่ออันตราย แต่เกือบหนึ่งในห้าคนยอมรับว่าตนเองรับส่งข้อความขณะขับรถ

ไม่ใช่เพียงแค่ส่งหรือโพสต์ข้อความแต่เป็นการ “ปฏิวัติของแอพพลิเคชั่น”

เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามรุ่น Gen Y กล่าวว่า โมบายล์แอพพลิเคชั่นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน

มากกว่าครึ่งหนึ่งใช้โมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับเกมและความบันเทิงเป็นหลัก

อย่างไรก็ดี หนึ่งในสี่ (27 เปอร์เซ็นต์) ใช้โมบายล์แอพพลิเคชั่นสำหรับการทำงานเป็นหลัก

คุณต้องการใช้แอพมากเท่าไร? ผู้ผลิตนำเสนอแอพพลิเคชั่นหลายพันโปรแกรมในแอพสโตร์ แต่แอพเหล่านั้นได้ถูกใช้งานจริงหรือ? ที่จริงแล้วในบรรดาแอพทั้งหมดที่ดาวน์โหลดในแต่ละวัน มีเพียงไม่กี่โปรแกรมเท่านั้นที่ถูกใช้งานอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (70 เปอร์เซ็นต์) ใช้โปรแกรมบนสมาร์ทโฟนเป็นประจำไม่ถึง 10 โปรแกรม

มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียงหนึ่งในสี่ (24 เปอร์เซ็นต์) เท่านั้นที่ใช้ 10 ถึง 25 โปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ

มิตรภาพทางออนไลน์ กับมิตรภาพส่วนบุคคล: ชุมชนออนไลน์ไร้ขีดจำกัดทางด้านภูมิศาสตร์และเขตเวลา (ไทม์โซน)?

40 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาในการเชื่อมต่อออนไลน์กับเพื่อนมากกว่าการพบปะสังสรรค์กันเป็นการส่วนตัว

สองในสามของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองใช้เวลาเท่ากันหรือมากกว่าในการติดต่อเพื่อนฝูงทางออนไลน์ เมื่อเทียบกับการพบปะพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว

ยังมีความแตกต่างระหว่างชาย-หญิง กล่าวคือ ผู้ชายทั่วโลก 38 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาพบเจอเพื่อนเป็นการส่วนตัวมากกว่าทางออนไลน์ ขณะที่สัดส่วนของผู้หญิงที่ใช้เวลาพบเจอเพื่อนเป็นการส่วนตัวมีเพียง 29 เปอร์เซ็นต์

ที่จริงแล้วคุณคือใคร? ภาพลักษณ์ด้านออนไลน์แตกต่างจากความเป็นจริงหรือไม่

การติดต่อพูดคุยทางออนไลน์ช่วยขยายโอกาสในการสร้างตัวตน ภาพลักษณ์ และบุคลิกใหม่ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็อาจเป็นรากฐานที่นำไปสู่การโกหกหลอกลวง ก็แล้วคุณจะเชื่อสิ่งที่คุณได้พบเห็นทางออนไลน์ได้มากน้อยเพียงใด?

สี่ในห้า (81 เปอร์เซ็นต์) ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าแต่ละคนมีภาพลักษณ์ออนไลน์และออฟไลน์ที่แตกต่าง

เมื่อถามเกี่ยวกับตัวเอง มีเพียง 44 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ตอบว่าภาพลักษณ์ออนไลน์ของเขาเหมือนกับภาพลักษณ์ “ออฟไลน์” ในโลกแห่งความเป็นจริง

สมาร์ทโฟนจะแทนที่แลปท็อปในสถานที่ทำงานหรือไม่?

ในหลายๆ ส่วนของโลก สมาร์ทโฟนกำลังเป็นคู่แข่งกับแลปท็อป ในฐานะอุปกรณ์ที่ยังเป็นที่ต้องการมากที่สุดสำหรับผู้ใช้อายุ 18 ถึง 30 ปี เพราะเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ที่มีขนาดกะทัดรัดมากที่สุด

หากจำเป็นต้องเลือกอุปกรณ์เพียงเครื่องเดียว หนึ่งในสามของผู้ตอบแบบสอบถามตัดสินใจเลือกสมาร์ทโฟน

สมาร์ทโฟนแซงหน้าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปในฐานะอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับสถานที่ทำงานจากมุมมองของคนทั่วโลก

สมาร์ทโฟนได้รับความนิยมมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับเดสก์ท็อปพีซี และได้รับความนิยมมากกว่าแท็บเล็ตถึงสามเท่า

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ “เชื่อมต่อตลอดเวลา” อุปกรณ์พกพาเครื่องเดียวจะรองรับการใช้งานได้อย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ส่วนบุคคลหรืออุปกรณ์ของบริษัท แต่จะก่อให้เกิดปัญหาท้าทายต่อผู้จัดการฝ่ายไอที ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องสินทรัพย์และข้อมูลของบริษัท

สองในห้าคนกล่าวว่านโยบายของบริษัทห้ามไม่ให้นำเอาอุปกรณ์ที่บริษัทออกให้ไปใช้ในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับงาน ขณะที่เกือบสามในสี่ (71 เปอร์เซ็นต์) ยอมรับว่าตนเองไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว

สองในสาม (66 เปอร์เซ็นต์) รู้สึกว่า “นายจ้างไม่ควรตรวจสอบติดตามกิจกรรมออนไลน์ของพนักงาน เพราะไม่ใช่ธุระอะไรของนายจ้าง”

บุคลากรฝ่ายไอทีทราบดีว่าพนักงานจำนวนมากไม่ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่ก็ไม่ทราบว่ามีการละเลยกฎเกณฑ์มากน้อยเพียงใด กล่าวคือ บุคลากรฝ่ายไอทีทั่วโลกกว่าครึ่งหนึ่งคิดว่าพนักงานปฏิบัติตามนโยบายเรื่องการห้ามนำเอาอุปกรณ์ของที่ทำงานไปใช้กับเรื่องส่วนตัว

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

จัดเก็บข้อมูลภายในบ้านของคุณด้วย Seagate(R) Central shared storage

โซลูชั่นรุ่นใหม่สำหรับแบ็คอัพข้อมูลบนเครือข่ายที่ใช้งานได้ง่ายและได้รับรางวัลทำให้คุณสามารถเข้าถึงและใช้ไฟล์ข้อมูลทั้งหมดร่วมกันได้ง่าย

บริษัทซีเกท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (NASDAQ: STX) เปิดตัวโซลูชั่นสำหรับจัดเก็บข้อมูลในเครือข่ายภายในบ้านรุ่นใหม่ ชื่อ “ซีเกท เซ็นทรัล แชร์ สตอเรจ (Seagate(R) Central shared storage)” ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลรุ่นแรกที่สามารถใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นของสมาร์ททีวีเพื่อเข้าถึงไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ทางจอภาพขนาดใหญ่ รางวัลอันทรงเกียรติจากงานซีอีเอส ประจำปี 2013 แสดงให้เห็นว่าซีเกท เซ็นทรัลนำมาซึ่งการสำรองข้อมูลทั้งหมดภายในบ้าน การเข้าถึงภาพยนตร์ดิจิตอลและเพลงจากอุปกรณ์บนเครือข่าย เช่นเดียวกันการเข้าถึงทางไกลจากภายนอกเครือข่ายภายในบ้านโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ซีเกทยังพัฒนาไปอีกขั้นในการทำให้ผลิตภัณฑ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลรุ่นเซ็นทรัลได้รับการออกแบบสำหรับใช้งานในแนวนอน ซึ่งเหมาะสมสำหรับใช้งานเพื่อความบันเทิงและดูดีในห้องนั่งเล่น

เซ็นทรัล – แบ็คอัพข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องได้อย่างง่ายดาย
ซีเกทพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่าย จากการเน้นหนักในการตอบสนองความต้องการอันดับแรกของครัวเรือนที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่าหนึ่งเครื่อง ซีเกทออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับสำรองข้อมูลแบบศูนย์กลางที่ใช้งานง่ายสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่อยู่ภายในบ้าน แม้ว่าแต่ละเครื่องจะมีระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ซีเกทพัฒนาซอฟท์แวร์ขึ้นใหม่และใช้ประสบการณ์ของผู้ใช้งานเพื่อพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลร่วมกันของซีเกท เซ็นทรัล (Seagate Central shared storage) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์นี้นำเสนอการสำรองข้อมูลอย่างไร้ที่ติสำหรับแต่ละระบบในเครือข่ายภายในบ้าน แม้กระทั่งในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ผสมผสานระหว่างคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows OS) และ แมค โอเอส เอ็กซ์ (Mac OS X) นอกจากการสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติอย่างต่อเนื่องสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องภายในบ้าน ซีเกท เซ็นทรัลยังสามารถสำรองภาพนิ่งและวิดีโอโดยตรงจากเฟซบุ๊ค ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษที่ถูกเปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในสายผลิตภัณฑ์ไดรฟ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลภายนอก รุ่น แบ็คอัพ พลัส (Backup Plus line of external drives) ที่ได้รับรางวัล



“นี่เป็นโซลูชั่นสำหรับสำรองข้อมูลที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวในยุคปัจจุบัน ซึ่งจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนมากขึ้น” นายสกอตต์ ฮอร์น รองประธานฝ่ายการตลาดของซีเกท (Scott Horn, vice president of marketing at Seagate) กล่าว “เราเน้นหนักในการทำให้ผลิตภัณฑ์เซ็นทรัลใช้งานได้ง่ายภายในบ้าน ผู้บริโภคจะพบว่าผลิตภัณฑ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลรุ่นเซ็นทรัล เป็นโซลูชั่นสำหรับสำรองข้อมูลที่ใช้งานได้ง่ายพร้อมกับแอพพลิเคชั่นที่ดูดีซึ่งทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลของพวกเขาได้จากอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลแบบพกพาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เช่นเดียวกับซัมซุงสมาร์ททีวี (Samsung Smart televisions) และเครื่องเล่นบลู-เรย์ (Blu-ray players)”

การวิจัยของพาร์ค แอสโซซิเอทส์เมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่าผู้บริโภคเก็บข้อมูลไว้หลายแห่งรวมทั้งในโซเชียล เน็ทเวิร์คอย่างเฟซบุ๊ค ร้อยละ 8 ของข้อมูลจำพวกเพลง วิดีโอและภาพนิ่งในโซเชียล เน็ทเวิร์คถูกจัดเก็บไว้ในบร็อดแบรนด์ภายในบ้าน “ผู้บริโภคกำลังมองหาโซลูชั่นสำหรับจัดเก็บข้อมูลที่ช่วยให้พวกเขารวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่ในหลายแห่งและปกป้องข้อมูลให้ปลอดภัย” นายจอห์น แบร์เร็ท ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ผู้บริโภคของพาร์คส์ แอสโซซิเอทส์ (John Barrett, director of Consumer Analytics at Parks Associates) กล่าว “ผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ไม่มีพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางสำหรับจัดเก็บข้อมูล แต่มีเก็บข้อมูลไว้หลายแห่งตามประเภทของมีเดีย”

สนุกสนานกับภาพยนตร์และเพลงที่คุณชื่นชอบ
นอกจากการมีบทบาทสำคัญในฐานะที่เป็นอุปกรณ์สำหรับสำรองข้อมูลทั้งหมดภายในบ้านเพื่อจัดเก็บข้อมูลไว้ แห่งเดียว ผลิตภัณฑ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลรุ่นเซ็นทรัลยังได้รับการออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้ถ่ายโอนสื่อเพื่อความบันเทิงได้ง่าย ทันทีที่ไฟล์ข้อมูลทั้งหมดของคุณและสื่อเพื่อความบันเทิงจำนวนมากถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยภายในไดรฟ์ ผลิตภัณฑ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลรุ่นเซ็นทรัลจะทำการจัดระเบียบข้อมูลของคุณตามประเภทของสื่อ เช่น วิดีโอ ภาพนิ่ง เพลงและไฟล์เอกสาร จากนั้น ซีเกทจะทำให้มันง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนในการเข้าถึงความบันเทิงและเอกสารต่าง ๆ โดยการนำเสนอแอพพลิเคชั่นที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ฟรีสำหรับซัมซุงสมาร์ททีวีและเครื่องเล่นบลู-เรย์ เช่นเดียวกับอุปกรณ์แอปเปิล ไอโอเอส (Apple® iOS devices) อเมซอน คินเดิล เอชดี (Amazon Kindle HD) และมือถือแอนดรอยด์ (Android mobile) เซ็นทรัลได้รับการรับรองจากดีแอลเอ็นเอ (DLNA) และยังสามารถใช้งานร่วมกับแอปเปิล แอร์เพลย์ (Apple® AirPlay®) ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์เกือบทุกประเภทที่เชื่อมต่อด้วยเครือข่าย สามารถเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์เซ็นทรัลได้



แอพพลิเคชั่นใหม่ในรูปแบบใหม่
ซีเกท มีเดีย แอพ (Seagate Media app) ที่ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ มีไว้สำหรับใช้งานกับแอนดรอยด์ (Android) คินเดิล ไฟร์ เอชดี (Kindle Fire HD) และแอปเปิล ไอโอเอส (Apple iOS) นำเสนอประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้อย่างไร้ที่ติสำหรับการเข้าถึง การดาวน์โหลดหรือการใช้ไฟล์ข้อมูลร่วมกันจากผลิตภัณฑ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลร่วมกันรุ่นซีเกท เซ็นทรัล ประสบการณ์ที่ผู้ใช้ได้รับจะเหมือนกันกับภายในเครือข่ายหรือการเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์เซ็นทรัลในระยะทางไกล คุณสามารถเพลิดเพลินกับไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านทางการโต้ตอบกับแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจ ทุกสิ่งถูกจัดเก็บไว้เป็นหมวดหมู่เช่นเดียวกับการดูโฟลเดอร์ต่าง ๆ ซีเกท มีเดีย แอพและซีเกท เซ็นทรัลจะสร้างความมั่นใจว่าคุณสามารถเข้าถึงไฟล์ข้อมูลที่คุณต้องการได้เสมอ

ราคาและการวางจำหน่าย
 ซีเกท เซ็นทรัล แชร์ สตอเรจมีจำหน่ายเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน ศกนี้ ในราคาดังต่อไปนี้ ความจุ 2 เทราไบต์ ราคา 5,090 บาท ความจุ 3 เทราไบต์ ราคา 6,690 บาทและความจุ 4 เทราไบต์ ราคา 7,990 บาท

เกี่ยวกับรางวัลอันทรงเกียรติด้านการออกแบบและวิศวกรรมยอดเยี่ยม
 รางวัลอันทรงเกียรติด้านการออกแบบและวิศวกรรมยอดเยี่ยมได้รับการสนับสนุนจากสมาคมผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคหรือซีอีเอ (Consumer Electronics Association (CEA)®) ผู้ริเริ่มการจัดงานอินเตอร์เนชั่นแนล ซีอีเอส ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการยกย่องจากความสำเร็จในด้าน การออกแบบผลิตภัณฑ์และวิศวกรรมตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976

ข้อมูลเกี่ยวกับซีเกท
ซีเกทคือผู้นำทั่วโลกในด้านฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และโซลูชั่นสำหรับจัดเก็บข้อมูล ท่านสามารถพบข้อมูลเกี่ยวกับซีเกทได้ที่ http://www.seagate.com

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

Acer ส่งสมาร์ทโฟน 2ซิม 2 รุ่นใหม่

บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดตัวสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ 2 รุ่น ราคาโดนใจ Acer Liquid E1 Duo| V360 สมาร์ทโฟน 2 ซิม ซาวด์กระหึ่ม เพื่อความบันเทิงสุดคุ้ม และ Acer Liquid Z2 Duo | Z120 สมาร์ทโฟนระบบ 2 ซิม ราคาประหยัด สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟนมาใช้แอนดรอยด์โฟนเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน

Acer Liquid E1 Duo

Acer Liquid E1 Duo | V360 สมาร์ทโฟนเพื่อความบันเทิงรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด หน้าจอแอลซีดีขนาด 4.5 นิ้ว ความละเอียด 960x540 แบบ qHD IPS ระบบเสียงแบบ DTSTM 2 ลำโพงช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูหนัง ฟังเพลงหรือเล่นเกมส์บนมือถือ ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 4.1 Jelly Bean แรงด้วยหน่วยประมวลผล Dual Core 1GHz หน่วยความจำ ROM 4 GB และ RAM 1GB พิมพ์ง่ายด้วยคีย์บอร์ดแบบ Google virtual keyboard/Swype กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมระบบออโต้โฟกัสและแฟลช LED กล้องหน้าความละเอียด 0.3 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์พิเศษ Float Caller ที่ช่วยจัดการกับสายโทรเข้าขณะทำงานหรือเล่นเกมส์ขจัดการรบกวนกับสิ่งที่ทำอยู่ให้ต่อเนื่องไม่สะดุด (Uninterrupted fun) ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ทั้งวิทยุ FM, A-GPS, Bluetooth 3.0, Micro SD รองรับการทำงาน Wi-Fi 802.11 b/g/n และ 3G (900/2100 MHz) เต็มอิ่มกับความบันเทิงด้วย Google Gallery/Music, AcerCloud Music และ Facebook ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานบนมือถือด้วย Polaris Office Editor มีให้เลือกจับจองเป็นเจ้าของทั้งสีขาว (Classic White) และ สีดำ (Rock Black) ในราคาสุดโดนเครื่องละ 8,990 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

Acer Liquid Z2 Duo

Acer Liquid Z2 Duo | Z120 บางเบา ดีไซน์สวยกับ สมาร์ทโฟน 3G ที่ใส่ได้ 2 ซิมการ์ด เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาแอนดรอยด์โฟนเครื่องแรก Acer Liquid Z2 Duo มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.1 Jelly Bean หน้าจอขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 480x320 แบบ HVGA หน่วยประมวลผล 1GHz พร้อมหน่วยความจำ ROM 4GB และ RAM 512MB กล้องความละเอียดสูงสุด 3 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 99 รูป และการถ่ายแบบ Panorama เสียงดังกังวานด้วยเทคโนโลยี SRSพร้อมรองรับ วิทยุ FM, A-GPS, Bluetooth 3.0, Micro SD การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 b/g/n และ 3G (900/2100 MHz) พร้อมฟีเจอร์พิเศษ Quick Mode ให้คุณใช่งานได้ง่ายเหมือนใช้โทรศัพทั่วไปและมีเวลาเรียนรู้การใช้ประโยชน์ ของแอนดรอยด์โฟน เป็นเจ้าของ Acer Liquid Z/ Duo ได้ในราคาที่ชอบเพียง 3,990 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

ZW3D 2013 เพื่องานออกแบบ 3 มิติโดยเฉพาะ

บริษัท ZWCAD ซอฟต์แวร์ จำกัด (ZWSOFT) หนึ่งในบริษัทผู้นำเทคโนโลยีด้านโซลูชั่นการออกแบบแคด/แคม สำหรับอุตสาหกรรมการออกแบบและวิศวกรรมประกาศเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ล่าสุด ZW3D 2013 ที่มาพร้อมคุณสมบติเด่นใช้งานง่าย ช่วยประหยัดเวลาสำหรับงานออกแบบได้มากกว่า 30% พร้อมรองรับการเติบโตของตลาดด้านงานออกแบบและงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในไทย นายโคลิน หลิน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ, ผลิตภัณฑ์ ZW3D บริษัท ZWCAD ซอฟต์แวร์ จำกัด กล่าวว่า “ซอฟต์แวร์ ZW3D 2013 เวอร์ชั่นล่าสุดนี้ จะช่วยให้นักออกแบบและผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบวิศวกรรมทำงานได้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติและความสามารถใหม่ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น และครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ ประกาศเปิดตัวซอฟต์แวร์ ดับเบิลยู ทรี ดี 2013 ในไทย ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการของตลาดด้านงานออกแบบ และงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในไทยที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”



ZW3D เป็นซอฟต์แวร์แคด/แคมสำหรับงานออกแบบ 3 มิติ งานออกแบบแม่พิมพ์ และการสั่งงานเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูงและคุ้มค่ากับราคาที่ประหยัดกว่า ซึ่งในเวอร์ชั่น 2013 นี้ได้เพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบ โดยเพิ่มคุณสมบัติการเขียนแบบร่างที่มีความยืดหยุ่นและใช้งานง่าย เมื่อนักออกแบบสร้างวัตถุหลายตัวเลือก ข้อกำหนดคุณสมบัติจะถูกสร้างขึ้นและสามารถตรวจสอบ รวมถึงแก้ปัญหาด้วยการคลิกเม้าส์เพียงครั้งเดียวสำหรับการลากหรือวางชิ้นงาน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นที่ช่วยให้นักออกแบบทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ซอฟต์แวร์ ZW3D 2013 ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นอีกมาก อาทิ นักออกแบบหรือผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูล และความสัมพันธ์ของการใช้คำสั่งต่างๆ ได้ง่ายในชุดควบคุมใหม่นี้ รวมถึงการร่างแบบ และตัวช่วยเพื่อให้ทำงานสะดวกในการร่างแบบและมีประสิทธิภาพ พร้อมกับปรับปรุงในส่วนของการจัดการข้อมูลเดิม ทั้งส่วนงานออกแบบ การวาดแบบ การมอง และความแม่นยำ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาสำหรับงานออกแบบได้มากกว่า 30%

ในส่วนของโมดูล CAM อัจฉริยะยังช่วยให้วิศวกรเพิ่มความสะดวกในการเรียกใช้คำสั่งอย่างต่อเนื่องได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความคล่องตัว และลดข้อผิดพลาดในการออกแบบก่อนการผลิต และในการจัดการ CAM มีความยืดหยุ่นสามารถจัดการออกแบบได้อย่างอิสระ และจัดการรายการทั้งหมดที่มีในหมวดฟังก์ชั่นเช่น Geometry, Operations และ Outputs

ซอฟต์แวร์ ZW3D 2013 ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่มากกว่า 600 รายการ พร้อมการรวบรวมการจัดการต่างๆ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมแม่พิมพ์และฐานข้อมูลรายการใน ZW3D ของตัวเองเพื่อนำมาใช้ในอนาคต ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ซึ่งได้รับการยืนยันจากผู้ใช้งานที่เข้าร่วมทดสอบผลิตภัณฑ์ทั้งจากอเมริกา ยุโรป และเอเชียแล้วว่าซอฟต์แวร์ ZW3D 2013 มีคุณสมบัติที่โดดเด่น มีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพและบริการที่ดีสำหรับผู้ใช้ CAD/CAM เพื่องานออกแบบ สนใจคลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ZW3D 2013 ได้ที่ http://www.zwsoft.com/products/zw3d2013

บริษัทฯ วางจำหน่ายซอฟต์แวร์ ZW3D 2013 ผ่านผู้แทนจำหน่ายในไทย 2 บริษัท คือ บริษัท ลัคกี้ เอช (Lucky Eight) โทรศัพท์ 081 867 5980 หรือ 038 507747 หรือ www.zwthai.com และบริษัท ดิจิตอล ดีไซน์ ออโตเมชั่น (Digital Design Automation) โทรศัพท์ 0 2962 7080 หรือ www.d2a-international.com

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

ASUS เตรียมปล่อยของแรง GeForce(R)GTX Titan

ASUS เตรียมปล่อยของแรง “GeForce(R)GTX Titan” กราฟฟิกส์การ์ดที่การันตีความแรงในระดับเดียวกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์! พร้อมทุบสถิติโลกล่าสุดบนโปรแกรม 3DMark ถึง 4 รายการ

สุดล้ำกับการ์ดจอแบบ Single-GPUที่ให้ความแรงทะลุพิกัด พ่วงเทคโนโลยี GPU Boost 2.0 จาก NVIDIA(R) พร้อมหน่วยความจำขนาด 6GB GDDR5และยูทิลิตี้ ASUS GPU Tweak สำหรับจูนค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

ASUS ผู้ผลิตมาเธอร์บอร์ดที่มียอดขายและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก ประกาศเปิดตัวการมาถึงของผลิตภัณฑ์กราฟฟิกส์การ์ดสุดแรง “ASUS GeForce(R) GTX Titan”ที่เหล่า เกมเมอร์ทั่วโลกต่างรอคอย โดยตัวการ์ดใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมตามแบบ NVIDIA(R) Tesla K20X ซึ่งให้อัตราการแสดงภาพกราฟฟิกส์นั้นแรงระดับเดียวกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันโดดเด่นมากมาย อาทิ DirectX(R) 11.1 และ PCI Express 3.0มาพร้อมอัตราความเร็วในการโอเวอร์คล็อกแบบเต็มพิกัดของGPU ที่ 876เมกะเฮิร์ทซ์ ซึ่งเป็นผลของเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง GPU Boost 2.0 จาก NVIDIA(R) นอกจากนี้กราฟฟิกส์การ์ด “ASUS GeForce(R) GTX Titan” ยังมีหน่วยความจำในตัวขนาด 6GB GDDR5 ซึ่งถูกโอเวอร์คล็อกที่ความเร็ว 6,000 เมกะเฮิร์ทซ์ ทำให้ได้ประสิทธิภาพแบบทะลุพิกัดซึ่งการันตีด้วยผลงานล่าสุดในการทุบสถิติโลกจากการโอเวอร์คล็อกในโปรแกรม 3DMark ถึง 4 รายการโดยทีมวิจัยและพัฒนาของ ROG นำโดยนักโอเวอร์คล็อกซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง อังเดร หยาง และชามิโน่ ซึ่งโชว์ผลงานทำลายสถิติบนโปรแกรม 3DMark11 ด้วยคะแนนถึง 36,658 แต้มในโหมด Entry, 37,263 แต้มในโหมด Performance และ 22,076 แต้มในโหมด Extreme รวมถึงยังสร้างสถิติโลกใหม่บนโปรแกรม 3DMark Fire Strike ด้วยคะแนนสูงถึง 21,818 แต้ม ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาบนโปรแกรมจากค่าย Futuremark(R)ซึ่งเรียกได้ว่า ASUS GeForce(R) GTX Titanเป็นกราฟฟิกส์การ์ดที่แรงที่สุดในโลกในบรรดาการ์ดจอแบบเดี่ยว หรือ Single-GPUในตลาดขณะนี้

ASUS GeForce GTX TITAN

กราฟฟิกส์การ์ดรุ่นนี้ให้สมรรถนะความแรงในการประมวลผลภาพกราฟฟิกส์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการเล่นเกมสุดระห่ำบนเครื่องพีซีและช่วยยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงที่เหนือชั้นกว่าให้กับบรรดาผู้ใช้งานด้านมัลติมีเดียอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเทคโนโลยีภาพที่ล้ำหน้ายิ่งกว่าความคมชัดในระดับFull HD ที่ 1080p นอกจากนี้กราฟฟิกส์การ์ด ASUS GeForce(R) GTX Titan ยังมาพร้อมยูทิลิตี้ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกง่ายดายอย่าง GPU Tweakช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งประสิทธิภาพและจูนตั้งค่าในพารามิเตอร์ต่างๆ ผ่านอินเตอร์เฟซที่ไม่ซับซ้อน แต่คงไว้ซึ่งรายละเอียดสำคัญอย่างครบถ้วน

ผนึกกำลังเทคโนโลยี NVIDIA(R) GPU Boost 2.0 และASUS GPU Tweak ให้การจูนค่าที่แม่นยำดั่งใจสั่ง กราฟฟิกส์การ์ด ASUS GeForce(R) GTX Titanใช้ GPU แบบเดี่ยวที่อัตราความเร็ว 876 เมกะเฮิร์ทซ์มาพร้อมเทคโนโลยี GPU Boost 2.0 จากNVIDIA(R) ที่ช่วยเร่งอัตราความเร็วสัญญาณนาฬิกา สร้างสปีดความถี่ของ Core ให้อยู่ในรอบที่สูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงเสถียรภาพและประสิทธิภาพในการควบคุมระดับอุณหภูมิ ผู้ใช้งานสามารถเช็ตเปลี่ยนค่าความเร็วต่างๆ ของนาฬิกา ตั้งปริมาณการจ่ายไฟภายในเครื่อง ไปจนถึงควบคุมอุณหภูมิของ GPU ผ่านทางอินเตอร์เฟซของ NVIDIA(R) GPU Boost 2.0ได้อย่างง่ายดาย

ยูทิลิตี้ GPU Tweakของเอซุสได้รับการบูรณาการเข้ากับสุดยอดกราฟฟิกส์การ์ดรุ่นนี้เพื่อมอบประสิทธิภาพในการแสดงรายละเอียดภาพกราฟฟิกส์ที่เหนือกว่า รวมทั้งให้ความยืดหยุ่นในการประมวลผลภาพในรูปแบบต่างๆ โดยผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าของ Core หน่วยความจำของนาฬิกา ค่าโวลต์เทจ และความเร็วพัดลม ไปจนถึงสร้างโปรไฟล์การตั้งค่าอัตโนมัติสำหรับการเล่นเกมและการใช้แอ็พพลิเคชั่นรูปแบบต่างๆ จากการพิสูจน์และทดสอบความสามารถของยูทิลิตี้ GPU Tweakเวอร์ชั่นใหม่ในกราฟฟิกส์การ์ดของเอซุส ปรากฎว่าผู้ใช้งานต่างชื่นชอบระบบอินเตอร์เฟซที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานในระดับเบื้องต้น ไปจนถึงผู้มีทักษะและสนใจในด้านฮาร์ดแวร์ ก็สามารถควบคุมการทำงานของเครื่องพีซีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจากการใช้กราฟฟิกส์การ์ด ASUS GeForce® GTX Titan

ขุมพลังความแรงทะลุพิกัด ระดับเดียวกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์

กราฟฟิกส์การ์ด ASUS GeForce® GTX Titanใช้การดีไซน์ที่เป็นการต่อยอดมาจากเทคโนโลยี NVIDIA® Tesla K20Xโดยกราฟฟิกส์การ์ดในตระกูล Teslaจาก NVIDIA®เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในการใช้กับแอ็พพลิเคชั่นของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์โดยนักออกแบบกราฟฟิกส์มืออาชีพ ดีไซน์เนอร์ ไปจนถึงนักวิจัยในทั่วโลก กราฟฟิกส์การ์ด ASUS GeForce® GTX Titanใช้ 2688 CUDA Coreและระบบอินเตอร์เฟซความเร็ว384 บิต สำหรับหน่วยความจำภาพวิดีโอขนาด 6GB GDDR5 ของตัวการ์ด โดยได้รับการโอเวอร์คล็อกที่ความเร็ว 6,000 เมกะเฮิร์ทซ์ ดังนั้น กราฟฟิกส์การ์ดรุ่นนี้จึงส่งมอบความแรงได้อย่างเต็มพิกัดและสามารถรองรับเกมที่สูบทรัพยากรเครื่องอย่างหนักหน่วงได้อย่างสบายๆ รวมไปถึงการใช้งานด้านมัลติมีเดียที่ต้องการความละเอียดที่สูงกว่าระดับ HD เช่น ภาพขนาด 2560 x 1600p ขึ้นไป นอกจากนี้ ยังเสริมประสิทธิภาพให้กับความไหลลื่นของภาพด้วยฟีเจอร์ DirectX® 11.1 ที่ไร้การสะดุดแม้ในการแสดงภาพที่เป็นสเปเชียลเอฟเฟ็คส์หรือกราฟฟิกส์เคลื่อนไหวรวดเร็วในระดับสูงสุด สำหรับคอเกมขาระห่ำและผู้ใช้งานด้านกราฟฟิกส์แบบมืออาชีพแล้ว ASUS GeForce® GTX Titanถือเป็นตัวเลือกของกราฟฟิกส์การ์ดที่ยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงไปสู่ยุคเจนเนอเรชั่นใหม่อย่างแท้จริง

สร้างสถิติโลกใหม่ 4 รายการรวด! 
นักโอเวอร์คล็อกชั้นนำระดับโลก อังเดร หยาง ได้สร้างผลงานทุบสถิติใหม่บนโปรแกรม3DMark11โดยใช้ไฮโดรเจนเหลวในอุณหภูมิติดลบ ซึ่งฮาร์ดแวร์หลักในการโอเวอร์คล็อกครั้งนี้ประกอบด้วยกราฟฟิกส์การ์ด ASUS GeForce® GTX Titan2 ตัว เชื่อมต่อในแบบ SLIผนึกกำลังกับมาเธอร์บอร์ดสุดแกร่งอย่างROG Rampage IV Extreme รุ่นที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7-3970X สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและค่าทางสถิติต่างๆ เกี่ยวกับการโอเวอร์คล็อกทุบสถิติครั้งนี้ได้ที่ http://www.3dmark.com/hall-of-fame/

ในส่วนของการทำลายสถิติโลกบนโปรแกรม 3DMark Fire Strikeอังเดร หยาง และสมาชิกในทีมวิจัยและพัฒนาจาก ทีม ROG และนักโอเวอร์คล็อกขาระห่ำชื่อดังอย่างชามิโน่ ได้ใช้กราฟฟิกส์การ์ด ASUS GeForce® GTX Titan2 ตัวที่ใช้NVIDIA® SLI™ โดยผสานกำลังกับมาเธอร์บอร์ด ROG Rampage IV ExtremeIntel® Core™ i7-3970X จาก เอซุสเช่นเดียวกัน

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

Panasonic Toughbook โมบายคอมพิวเตอร์สมบุกสมบัน 3 รุ่น

พานาโซนิค ทัฟบุ๊ค (Toughbook) เผยโฉมโมบายคอมพิวเตอร์แบบสมบุกสมบัน 3 รุ่นใหม่ รับการขยายตัวเทรนด์เอ็นเตอร์ไพรซ์โมบิลิตี้

พานาโซนิค จับมืออินเทล และไมโครซอฟท์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์โมบายคอมพิวเตอร์แบบสมบุกสมบันใหม่ในสามฟอร์มแฟกเตอร์ จับความต้องการเฉพาะของลูกค้าองค์กรอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นรูปแบบการทำงานแบบโมบายตามแนวโน้มการขยายตัวของเอ็นเตอร์ไพรซ์โมบิลิตี้ ทุกรุ่นใช้อินเทล™ คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 3 และระบบปฏิบัติการ Windows 8 พร้อมดีไซน์เพื่อการทำงานแบบโมบายอย่างคล่องตัว เต็มประสิทธิภาพ น้ำหนักเบา แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน หน้าจอมองเห็นได้ชัดเจนในที่กลางแจ้ง พร้อมคุณสมบัติกันกระเทือน กันน้ำ กันฝุ่นละออง และระบบเชื่อมต่อเครือข่ายที่เหนือชั้น ประกอบด้วย

Toughbook CF-C2 แท็บเล็ตพีซีกึ่งสมบุกสมบันบน Windows 8 ตัวแรกของโลก

Panasonic Toughbook CF-C2

พีซีลูกผสมที่แข็งแรงทนทานและใช้งานได้หลากหลาย บานพับระหว่างหน้าจอและคีบบอร์ดมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายทั้งในโหมดเปิดฝาแบบโน้ตบุ้ค และในโหมดแท็บเล็ต เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในด้านการแพทย์ ด้านวิศวกรรมการบิน หรือวิศวกรรมยานยนต์ และยังเป็นทัฟบุ๊ครุ่นแรกที่ออกแบบขึ้นเพื่อใช้ศักยภาพของระบบปฏิบัติการ Windows 8 Pro อย่างเต็มพิกัด

Panasonic CF-AX2 อัลตร้าบุ๊คกึ่งแท็บเล็ต แบบกึ่งธุรกิจกึ่งสมบุกสมบัน บน Windows 8 Pro ที่น้ำหนักเบาที่สุดในโลก

Panasonic CF-AX2

มาตรฐานใหม่ของอัลตร้าบุ๊คภายใต้รูปลักษณ์ที่เพรียวบาง สวยมีสไตล์ พร้อมอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุด ฝาพับที่หมุนได้ 360 องศา เพื่อการใช้งานแบบธุรกิจกึ่งสมบุกสมบัน ใช้งานได้ทั้งในโหมดโน๊ตบุ๊ค และโหมดแท็บเล็ต หน้าจอสัมผัส เหมาะสำหรับนักธุรกิจ ผู้บริหารที่ทำงานนอกสถานที่เป็นประจำ ผู้ที่ทำงานด้านวิจัยที่ต้องออกนอกสถานที่ บุคลากรฝ่ายขาย

Toughpad FZ-G1 แท็บเล็ตแบบสมบุกสมบัน เพื่อการใช้งานระดับองค์กรตัวล่าสุด

Panasonic Toughpad FZ-G1

แท็บเล็ตแบบสมบุกสมบัน สำหรับผู้ทำงานนอกสถานที่เป็นประจำ ตั้งแต่หน่วยงานกองทัพ หน่วยงานสาธารณูปโภค อุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่ ก่อสร้าง การดูแลสุขภาพ ค้าปลีก บริการซ่อมบำรุง ซัพพลายเชน โลจิสติกส์ และประกันภัย ทนทานต่อการตกกระแทก ตัวเครื่องกันน้ำได้ และใช้งานได้ภายใต้อุณหภูมิทั้งร้อนจัดและเย็นจัด รองรับแอพพลิเคชั่นทั้งจากแอพสโตร์ และเครื่องมือการพัฒนาระบบต่าง ๆ เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

Trendmicro เตือน! ระวังภัยอาชญากรไซเบอร์มุ่งโจมตีระบบธนาคาร

บริษัท เทรนด์ไมโคร อินคอร์ปอเรท (Trendmicro) ผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ เปิดเผยล่าสุดว่าลูกค้าที่ใช้โซลูชั่นดีพ ดิสคัฟเวอร์รี่ (Deep Discovery) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ป้องกันภัยคุกคามขั้นสูงที่สามารถค้นหาและตอบโต้การโจมตีล่าสุดจากอาชญากรไซเบอร์ก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้นกับระบบได้ โดยการโจมตีดังกล่าวได้ทำให้ธนาคารรายใหญ่หลายแห่งและบริษัทด้านสื่อจำนวนมากไม่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้ ส่งผลให้ชาวเกาหลีใต้จำนวนมากไม่สามารถถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มและทีมงานผู้เผยแพร่ข่าวสารไม่สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้



นายจตุพล ศุภจัตุรัส ที่ปรึกษาด้านเทคนิค บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “จากรายงานล่าสุดพบว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์จำนวนมากของธนาคารรายใหญ่ในเกาหลีใต้และบริษัทผู้ให้บริการรายการทีวีชั้นนำสามแห่งได้กลายเป็นจอว่างเปล่าเมื่อวันพุธ (เวลาท้องถิ่น) ที่ 20 มีนาคม 2556 โดยที่บางหน้าจอได้แสดงภาพ หัวกะโหลกและคำเตือนที่ระบุว่ามาจากทีมงาน Whois”

การโจมตีครั้งนี้เป็นหนึ่งในหลายการโจมตีที่เกิดขึ้นพร้อมกัน และเป็นอิสระจากกัน ซึ่งได้สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับประเทศเกาหลีใต้ จากการวิจัยของบริษัทเทรนด์ไมโครพบว่าสิ่งนี้เป็นผลมาจากการโจมตีของมัลแวร์ที่เริ่มต้นด้วยการส่งอีเมลฟิชชิ่งที่มีลักษณะเหมือนกับประวัติการใช้บัตรเครดิตของเดือนมีนาคม มัลแวร์ดังกล่าว ซึ่งถูกแนบมากับอีเมลฟิชชิ่งเหล่านี้ จะเขียนข้อมูลทับระบบบูตหลักของเครื่อง หรือ Master Boot Record (MBR) และจะกำหนดให้มัลแวร์ทำงานในวันที่ 20 มีนาคม 2556 หากมัลแวร์ที่ได้รับการติดตั้งก่อนที่ 20 มีนาคม มัลแวร์ก็จะยังไม่ทำงานและจะเริ่มการทำงานในวันที่ที่กำหนดไว้ เมื่อมัลแวร์ทำงานก็จะทำให้ระบบทั้งหมดทำงานเชื่องช้า และการล้างข้อมูลของ MBR ก็มักจะเกิดขึ้นในขั้นตอนสุดท้ายของการโจมตีที่มีเป้าหมาย ซึ่งหมายความว่าการตรวจสอบและกู้คืนระบบเหล่านี้จะทำได้ยากยิ่งขึ้น การวิเคราะห์ของแซนด์บอกซ์แบบกำหนดเองและการตรวจหาเครือข่ายของดีพ ดิสคัฟเวอร์รี่ จะช่วยตรวจหาอีเมลฟิชชิงหลัก และระบุมัลแวร์ที่อยู่ในอีเมลดังกล่าว รวมทั้งค้นหาเว็บไซต์ภายนอกที่ผู้โจมตีใช้ในการสั่งการและควบคุม ด้วยระบบอัจฉริยะที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา ทำให้ผู้ใช้สามารถหยุดหรือแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้นและบล็อกแหล่งที่มาของการติดต่อสื่อสารที่เป็นอันตรายทั้งหมดไว้ได้ ระบบตรวจจับและการตอบสนองที่รวดเร็วได้ช่วยปกป้องผู้ใช้งานจากการโจมตีที่มีเป้าหมาย ในบางครั้งการโจมตีจากอาชญากรไซเบอร์ถือเป็นสิ่งที่ประเทศเกาหลีใต้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งทำให้องค์กรและหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งต้องปรับใช้การตรวจหาภัยคุกคามและมาตรการตอบสนองเชิงรุก บริษัทเทรนด์ไมโครเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นและบริการระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ โดย 3 ใน 6 ธนาคารชั้นนำและหน่วยงานภาครัฐกว่า 80 แห่งให้ความไว้วางใจเลือกใช้โซลูชั่นดีพ ดิสคัฟเวอร์รี่เพื่อช่วยในการปกป้องการโจมตีดังกล่าว

จากการวิจัยของบริษัทเทรนด์ไมโคร ได้แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีไม่ได้ตั้งเป้าโจมตีให้เกิดความเสียหายเฉพาะกับระบบที่ใช้ไมโครซอฟท์ วินโดว์สเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงคผู้ใช้ระบบปฏิบบัติการ Linux, IBM AIX, Oracle Solaris และเวอร์ชั่น Hewlett-Packard HP-UX ของ UNIX ด้วย สำหรับลูกค้าที่ใช้โซลูชั่นดีพ ดิสคัฟเวอร์รี่ ที่กังวลว่าอาจตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีนี้ สามารถตรวจหาอินสแตนซ์ของ "HEUR_NAMETRICK.B" ได้ในไฟล์บันทึกดีพ ดิสคัฟเวอร์รี่ของตน โซลูชั่นดีพ ดิสคัฟเวอร์รี่และเทรนด์ไมโคร คัสตอม ดีเฟนส์ (Trend Micro Custom Defense)

จากการวิจัยของบริษัทเทรนด์ไมโคร ได้แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีไม่ได้ตั้งเป้าโจมตีให้เกิดความเสียหายเฉพาะกับระบบที่ใช้ไมโครซอฟท์ วินโดว์สเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงคผู้ใช้ระบบปฏิบบัติการ Linux, IBM AIX, Oracle Solaris และเวอร์ชั่น Hewlett-Packard HP-UX ของ UNIX ด้วย สำหรับลูกค้าที่ใช้โซลูชั่นดีพ ดิสคัฟเวอร์รี่ ที่กังวลว่าอาจตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีนี้ สามารถตรวจหาอินสแตนซ์ของ "HEUR_NAMETRICK.B" ได้ในไฟล์บันทึกดีพ ดิสคัฟเวอร์รี่ของตน โซลูชั่นดีพ ดิสคัฟเวอร์รี่และเทรนด์ไมโคร คัสตอม ดีเฟนส์ (Trend Micro Custom Defense)

ทั้งนี้ ดีพ ดิสคัฟเวอร์รี่จะเริ่มการทำงานในลักษณะที่ครอบคลุม ได้แก่ ตรวจหา – วิเคราะห์ – ปรับ – ตอบสนอง เพื่อจัดการกับการโจมตีเหล่านี้ การขยายและการผสานรวมเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่เดิมจะช่วยสร้างโซลูชั่น Custom Defense ที่สมบูรณ์แบบและสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเฉพาะได้ โดยการผสานรวมและการใช้ระบบอัพเดตความปลอดภัยของดีพดิสคัฟเวอร์รี่ร่วมกับการรักษาความปลอดภัยสำหรับเครือข่าย เกตเวย์ และจุดเชื่อมต่อปลายทาง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการป้องกันและการปกป้องการโจมตีได้ในทุกจุด รวมถึงการวิเคราะห์เหตุการณ์ด้านความปลอดภัยและระบบอัจฉริยะด้านภัยคุกคามแบบกำหนดได้เองยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและรับมือกับการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ในบล็อกระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ (Security Intelligence) ของบริษัท เทรนด์ไมโคร ที่: http://blog.trendmicro.com/trendlabs-security-intelligence/how-deep-discovery-protected-against-the-korean-mbr-wiper/

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

HP เปิดตัว HP Indigo 10000 Digital Press

เอชพี (HP : Hewlett-Packard) แถลงถึงความนิยมของลูกค้าที่มีต่อพอร์ทโฟลิโอเครื่องพิมพ์ HP Indigo Digital Press รุ่นปัจจุบัน พร้อมยอดขายที่โตขึ้นอย่างมากหลังจากเปิดตัวสินค้าในงาน Drupa เมื่อปี 2555 เอชพีพร้อมนำเสนอเครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press ซึ่งวางจำหน่ายแล้วทั่วโลก และปัจจุบันได้รับการติดตั้งเรียบร้อยแล้วถึง 16 เครื่อง เครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press นับเป็นเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลคุณภาพ ออฟเซ็ตขนาด B2 (หรือขนาดตัด 3) เครื่องแรกที่ช่วยให้กลุ่มผู้ให้บริการด้านงานพิมพ์ (print service providers – PSPs) สร้างการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยเครื่องพิมพ์ของเอชพีที่มีประสิทธิภาพการพิมพ์ที่มากขึ้นและแอพพลิเคชั่นการพิมพ์แบบดิจิตอลที่มีให้เลือกมากมาย



มร. อาลอน บาร์-แชนี่ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ผลิตภัณฑ์ Indigo ของเอชพี กล่าวว่า “กลุ่มผู้ให้บริการด้านงานพิมพ์ต่างมองหาแนวทางเพื่อพัฒนาความสามารถทางการผลิต ขยายประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างความหลากหลายให้กับแอพพลิเคชั่น เพื่อที่จะส่งมอบคุณประโยชน์ที่มากขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้นให้แก่ลูกค้า เอชพีจึงนำเสนอเครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ โดยการผลิตแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายเพื่อช่วยเพิ่มผลกำไรได้มากขึ้น”

มากกว่าความเป็นไปได้ด้วยเครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press ขนาด B2 เครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเครื่องพิมพ์ HP Indigo ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์แบบหน้ากว้าง ขยายขีดความสามารถในการพิมพ์แบบดิจิตอล ในขณะเดียวกันยังมอบคุณภาพงานพิมพ์ที่เทียบเท่าการพิมพ์แบบออฟเซ็ต



เครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press ได้เปิดตัวขึ้นในงาน Drupa ปี 2555 โดยได้ผ่านการทดสอบจากกลุ่มผู้ให้บริการด้านงานพิมพ์จำนวน 10 รายทั่วโลก ซึ่งการทดสอบนี้เริ่มขึ้นในเดือนกันยายน ปี 2555 โดยลูกค้าผู้ทดสอบเบต้าหลายราย รวมถึง Courier, Pureprint Group, Sandy Alexander และ Wing Hung กำลังพิจารณาสั่งซื้อเครื่องพิมพ์ HP Indigo เพิ่มเติมเป็นเครื่องที่สอง

Wing Hung ผู้นำด้านโซลูชั่นบรรจุภัณฑ์ มีฐานอยู่ที่ประเทศฮ่องกง ได้ทำการติดตั้งเครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press ในโหมดทดสอบเบต้า ที่โรงงานในเมือง ตงกวน ประเทศจีน โดยรวมการติดตั้งเครื่องพิมพ์ตระกูล HP Indigo แล้วทั้งสิ้น 9 เครื่อง

มร. จอห์น เลา ประธานบริษัท Wing Hung Group กล่าวว่า “เครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press ตัวใหม่นี้ได้ช่วยในเรื่องของประสิทธิภาพในการจัดการให้แก่เราเป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถของเครื่องพิมพ์ขนาด B2 จึงทำให้จำนวนหน้าที่สามารถพิมพ์ลงบนกระดาษที่พิมพ์เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าอย่างง่ายดาย และความสามารถในการเชื่อมต่อกับขั้นตอนการผลิตที่เรามีอยู่ ทำให้เราสามารถส่งผ่านชิ้นงานจากออฟเซ็ตไปสู่ดิจิตอลได้อย่างรวดเร็วมาก”



Courtney บริษัทสื่อการพิมพ์ประเภทหนังสือ เป็นบริษัทสัญชาติออสเตรเลียรายแรกที่ติดตั้งเครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำงานและสร้างตัวเลือกทางการพิมพ์แบบดิจิตอลที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้าได้

มร. อัลโด เบอร์เชอรี ผู้อำนวยการ บริษัทคอร์ทนี่ กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างมากที่ได้ค้นพบเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลที่สามารถเชื่อมั่นและวางใจในแบรนด์เอชพี และยังเป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพเทียบเท่าเครื่องพิมพ์แบบออฟเซ็ต ซึ่งทำให้เกิดผลดีทางธุรกิจมากมาย ข้อดีต่างๆ เช่น ประสิทธิภาพในการพิมพ์ข้อมูลเฉพาะบุคคล และสามารถพิมพ์กระดาษที่ใหญ่ แตกต่างกับเครื่องพิมพ์ดิจิตอลในตลาด และพิมพ์กระดาษได้หนามากถึง 400 gsm ความพร้อมในการใช้งานและความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน ทำให้เราสามารถคงไว้ซึ่งมาตรฐานการพิมพ์คุณภาพสูงที่บริษัทของเรามีความภาคภูมิใจอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็สามารถตีตลาดใหม่ๆ และสามารถขับเคลื่อนธุรกิจของเราไปข้างหน้าได้เป็นอย่างดี”

มร. กีโด แวน ปราก รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ฝ่าย Graphics Solutions Business เอชพี เอเชียแปซิฟิคและประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “เอชพีเล็งเห็นถึงแนวโน้มยอดขายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ของเครื่องพิมพ์ HP Indigo Digital Press ในภูมิภาคหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกในงาน Drupa ปี 2555 ซึ่งการเติบโตที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลจากนวัตกรรมของเครื่องพิมพ์ Indigo ที่สามารถนำงานพิมพ์แบบดิจิตอลเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ และช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจสำคัญให้กับกลุ่มผู้บริการด้านงานพิมพ์ นอกจากนั้น เครื่องพิมพ์รุ่นนี้ยังได้ขยายความสามารถทางการพิมพ์ระบบดิจิตอลจากการพิมพ์แบบ short runs และ on-demand เข้าสู่การพิมพ์แบบออฟเซ็ตขนาดใหญ่ เช่น การพิมพ์บรรจุภัณฑ์ การพิมพ์ทั่วไปเพื่อการค้า และการพิมพ์หนังสือ”

Precision Printing ใช้เครื่องพิมพ์ในการพิมพ์หนังสือภาพหรือโฟโต้บุ๊คที่มีลักษณะแบบปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ นอกเหนือจากการพิมพ์บรรจุภัณฑ์และสื่อการตลาดอื่นๆ ซึ่งไม่สามารถพิมพ์ได้ด้วยเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ตขนาด B2 บริษัทได้เลือกใช้การจัดวางรูปแบบที่มีขนาดเล็กลงบนแผ่นกระดาษขนาด B2 เพื่อเพิ่มจำนวนชิ้นงานที่เครื่องพิมพ์สามารถพิมพ์ได้ในหนึ่งครั้ง



มร. แกรี่ พีลลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท Precision Printing กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นบริษัทด้านการพิมพ์ เราต้องสามารถพิมพ์งานจำนวนน้อย มากกว่าพันรายการตามคำสั่งซื้อของลูกค้าในแต่ละวันได้ เครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press ช่วยให้เราจัดการกับงานพิมพ์ปริมาณมากและช่วยให้งานของเรามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนั้น เครื่องพิมพ์รุ่นนี้ยังทำให้เราสามารถพิมพ์งานตามคำสั่งของลูกค้าในจำนวนน้อย ในรูปแบบที่เราไม่สามารถพิมพ์ได้ด้วยเครื่องพิมพ์ดิจิตอลขนาด A3 มาก่อน อาทิ หนังสือแนวนอน, เอกสาร A4 6 หน้า และแฟ้มขนาดเล็ก”

เครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press ยังช่วยให้ลูกค้ารายแรกๆ อย่างเช่นบริษัท Zazzle ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าตามสั่ง สามารถเพิ่มผลกำไรโดยการเพิ่มแอพพลิเคชั่นต่างๆ อีกด้วย

มร. ชาร์ลส์ โอเฮียริ รองประธาน ฝ่าย Operations Technology บริษัท Zazzle กล่าวว่า “ด้วยเครื่องพิมพ์ HP Indigo 10000 Digital Press ทำให้เราสามารถปรับใช้ Workflow การทำงานแบบเดิมในระบบดิจิตอลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเมื่อใช้งานควบคู่กับโปรแกรมSmartStream ทำให้เราสามารถเชื่อมต่องานพิมพ์ได้ภายในเวลาอันสั้นและเริ่มกระบวนการนำผลิตภัณฑ์สิ่งพิมพ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น”



เพิ่มปริมาณการผลิตและผลกำไรด้วยเครื่องพิมพ์ HP Indigo ซีรี่ย์ 2 และ 3 ลูกค้าทั่วโลกรวมถึงลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่างได้รับประโยชน์จากเครื่องพิมพ์ HP Indigo 5600 and 7600 Digital Press ในการสร้างแอพพลิเคชั่นมูลค่าสูง ด้วยเทคนิคพิเศษเช่น ลายน้ำแบบดิจิตอล และการพิมพ์นูน นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้ด้วย Enhanced Productivity Mode (EPM) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ของเครื่องพิมพ์ HP Indigo Digital Press รุ่นล่าสุด โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะช่วยส่งมอบงานพิมพ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และลดต้นทุน โดยสามารถพิมพ์งานได้เร็วขึ้นถึงร้อยละ 33(1)

ลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้แก่ บริษัท PT Paragonatama ในประเทศอินโดนีเซีย ที่เคยใช้เครื่องพิมพ์แบบออฟเซ็ตและปัจจุบันได้ขยายธุรกิจสู่การพิมพ์แบบดิจิตอลโดยใช้เครื่องพิมพ์ HP Indigo 7600 Digital Press และบริษัทวงตะวัน (Wongtawan) ในประเทศไทย ที่ได้พัฒนาจากการเป็นโรงพิมพ์บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบเดิม มาสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านงานพิมพ์ระดับพรีเมี่ยมสำหรับการพิมพ์บรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ Commercial โดยการติดตั้งเครื่องพิมพ์ HP Indigo 5600 Digital Press ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของตนได้อย่างดีเยี่ยม

International Business Solutions ในประเทศเม็กซิโก ผู้ให้บริการด้านการตลาดครบวงจร ได้ทำการติดตั้งเครื่องพิมพ์ HP Indigo W7250 Digital Press เพื่อจัดพิมพ์สื่อเอกสารสำหรับแคมเปญการตลาดต่างๆ โดยการใช้ฟีเจอร์ EPM ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกแก่บริษัทในการพิมพ์เอกสารคุณภาพสูงแบบออฟเซ็ต ในขณะเดียวกันยังช่วยร่นระยะเวลาการทำงาน ลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งช่วยลดระยะเวลาการดูแลรักษาอีกด้วย

มร. ซัลวาดอร์ อนาญา ผู้จัดการอาวุโส บริษัท International Business Solution ประเทศเม็กซิโก กล่าวว่า “เราต้องการทำให้ธุรกิจของเราแตกต่างจากบริษัทคู่แข่ง โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการประมวลข้อมูลแบบอิเล็คทรอนิคส์ และใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ HP Indigo นอกจากนี้ ฟีเจอร์ Enhanced Productivity Mode ยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการผลิตในขณะเดียวกันก็ช่วยลดต้นทุนต่างๆ ด้วย สิ่งเหล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเรามากขึ้น ในการส่งมอบงานที่ตรงเวลาให้กับลูกค้า เพื่อช่วยรองรับงานระบบออฟเซ็ตแบบเดิม”

Bridgeport National Bindery เป็นลูกค้าอีกรายที่ได้ติดตั้งเครื่องพิมพ์ HP Indigo W7250 Digital Press โดยเครื่องพิมพ์ HP Indigo Digital Press เครื่องที่ 4 ของบริษัทถูกใช้สำหรับการพิมพ์หน้าปกหนังสือและหนังสือขนาดเล็กทั้งแบบสีและแบบขาวดำ สิ่งที่ได้รับเพิ่มเติมขึ้นมาจากเครื่องพิมพ์แบบป้อนม้วนแบบใหม่นี้คือโอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้น อีกทั้งบริษัทกำลังเริ่มใช้งานเครื่องพิมพ์ในกะที่ 2 เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท มร. บรูซ จาคอบเซ็น รองประธานบริหาร บริษัท Bridgeport National Bindery Inc. กล่าวว่า “เราผลิตหนังสือภาพหรือโฟโต้บุ๊คคุณภาพสูงและหนังสือภาพศิลปะจำนวนมาก ซึ่งต้องการระบบการพิมพ์คุณภาพแบบออฟเซ็ตที่สามารถพิมพ์ภาพสีได้อย่างแม่นยำ เครื่องพิมพ์ HP Indigo Digital Press สามารถให้ผลลัพธ์ที่เราต้องการ และมีลูกค้าของเราจำนวนมากที่เชื่อมั่นในคุณภาพของเครื่องพิมพ์ HP Indigo”

สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HP Indigo digital printing solutions ได้ที่ HP Graphic Arts YouTube channel และ HP Graphic Arts Twitter Feed

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

buffalo ministation slim

บริษัท บัฟฟาโล่ เทคโนโลยี ผู้นำระดับโลกในด้านการออกแบบ พัฒนา และผลิตโซลูชั่นเครือข่ายทั้งแบบใช้สายและไร้สาย เปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุดของผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพา “มินิ-สเตชั่น สลิม” (MiniStation Slim) ในประเทศไทย ตัวเครื่องใช้วัสดุอลูมิเนียม มาพร้อมหน่วยความจำแบบ HDD ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีขนาดบางลงเพื่อสะดวกต่อการพกพา พร้อมด้วยการเชื่อมต่อแบบ USB 2.0/3.0


“เนื่องจากตัวเครื่องซึ่งมีความจุ 500 กิกะไบต์รุ่นนี้ บางเพียง 8.8 มิลลิเมตร การถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่จึงเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับผู้ใช้งาน ” มร. อัตซุโอะ ชิบาตะผู้จัดการประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ โอเชียเนีย บริษัท บัฟฟาโล อิงค์ กล่าว ตัวเครื่องของ มินิ-สเตชั่น สลิม ทำจากวัสดุอลูมิเนียม ทำให้ทนทานต่อรอยขูดขีดและให้ความรุ้สึกที่เรียบเนียนยามสัมผัสตัวเครื่องเมื่อใช้งาน


มินิ-สเตชั่น สลิม(MiniStation Slim)ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ไฟล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์หนัง, รายการทีวี, เพลง, รูปภาพ หรือเอกสารสำคัญ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ทั้งการบันทึกและใช้ในระหว่างเดินทาง เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดบางเพียง 8.8 มิลลิเมตร และเบาเพียง 140 กรัม ผู้ใช้งานจึงสามารถพกพา มินิ-สเตชั่น สลิม ในกระเป๋าสะพาย กระเป๋าถือ หรือแม้แต่กระเป๋ากางเกงได้อย่างสะดวกสบาย และเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับการใช้งานร่วมกับอัลตร้าบุ๊ก



แม้ตัวเคสจะมีดีไซน์เรียบหรูและมีขนาดบางลง แต่ประสิทธิภาพการทำงานกลับไม่ได้ลดลงตามไปด้วย สำหรับ มินิ-สเตชั่น สลิม รุ่นนี้ สามารถถ่ายโอนข้อมูลด้วย USB 3.0 ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 5Gb ต่อวินาที และยังสามารถใช้กับ USB 2.0 ทั่วไปได้ ด้วยความเร็ว 480 Mb ต่อวินาที


อุปกรณ์นี้ใช้กำลังไฟจากพอร์ต USB ในขณะที่ต่อเชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป ผู้ใช้งานจึงไม่จำเป็นต้องพกอุปกรณ์ชาร์จไฟเพิ่มเติมในระหว่างเดินทาง นอกจากนี้ มินิ-สเตชั่น สลิม ยังสามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรม BuffaloTools™ เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น



การวางจำหน่าย อุปกรณ์ มินิ-สเตชั่น สลิม จำหน่ายผ่านทางบริษัท เดอะแวลลู ซิสเตมส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสินค้ารายเดียวในประเทศไทยของบัฟฟาโล่ และผู้สนใจสามารถสั่งซื้อออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ของบัฟฟาโล่ หรือที่แฟลกชิพสโตร์ของบัฟฟาโล่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ในกรุงเทพฯ โดยมีราคาจำหน่ายเครื่องละ 2,390 บาท