วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ASUS เปิดตัว Taichi Ultrabook

บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กลุ่มผลิตภัณฑ์ ซิสเต็มส์ บิสซิเนส ยูนิต ชวนสัมผัสสุดยอดนวัตกรรมที่หรูเลิศและอลังการที่สุดของปี

“เอซุส” แนะนำ “ไทชิ” (Taichi) อัลตร้าบุ๊กรุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยหน้าจอ แบบ 2 ด้าน ขนาด 13.3 นิ้ว ให้ความละเอียดระดับ Full HD สะกดทุกสายตาด้วยพื้นผิวแบบกระจกเงาสีดำมันวาว หรูหรา และนวัตกรรมที่มาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ อย่างครบครัน ผสานคุณสมบัติแท็บเล็ต Windows 8 ขุมพลังจากหน่วยประมวลผล Intel® Core™



ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เอซุสได้ออกแบบให้ไทชิมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและแตกต่างเพียงผู้ใช้ปิดฝาพับลง “ไทชิ” จะแปลงโฉมเป็นแท็บเล็ตที่มีประสิทธิภาพสูง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากหน่วยประมวลผล Intel® Core™ i7 หรือ i5 และ SSD เพื่อความรวดเร็วในการจัดเก็บข้อมูล พร้อมด้วยระบบมัลติทัช 10 จุด เพื่อการใช้งาน Windows 8 อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ

และทันทีที่เปิดฝาพับกางออก “ไทชิ” จะสามารถให้ผู้ใช้เลือกทำงานได้ถึง 3 โหมด เริ่มจาก Notebook Mode ทำหน้าที่เป็นโน้ตบุ๊กที่เปี่ยมด้วยพลังและมุมมองรับชมกว้าง พร้อมคีย์บอร์ดที่มีไฟในตัว และทัชแพดขนาดใหญ่ ตามด้วย Mirror Mode ที่ไม่เหมือนใคร แสดงผลได้ทั้งจอภาพด้านในและด้านนอก เพื่อความสะดวกในการนำเสนองานและแบ่งปันความบันเทิง สำหรับโหมดสุดท้ายเรียกว่า Dual Screen Mode สามารถแยกการทำงานระหว่างจอภาพด้านในและด้านนอกออกจากกันได้อย่างอิสระ

“เอซุส ไทชิ” มาพร้อมกับคุณภาพเสียงระดับ SonicMaster เช่นเคย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี IPS ให้ภาพคมชัด สดใส และมุมมองกว้างถึง 178 องศา พร้อม Dual-band Wi-Fi, Intel® WiDi และ Bluetooth 4.0 เพื่อการเชื่อมต่อแบบไร้สายอย่างเต็มประสิทธิภาพ และพอร์ต USB 3 สองพอร์ต โดยรองรับอุปกรณ์จัดเก็บภายนอกความเร็วสูงและการชาร์จอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว และเทคโนโลยี ASUS Super Hybrid Engine II เพื่อการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานถึงเจ็ดชั่วโมง และฟีเจอร์ท่องเว็บแบบ Wi-Fi ได้อย่างจุใจ

สำหรับแฟนๆ “เอซุส” ไม่ควรพลาด!! ที่จะมาร่วมสัมผัสความอัจฉริยะของอัลตร้าบุ๊กที่ผสมผสานความยืดหยุ่นแห่งแท็บเลตและประสิทธิภาพแห่งโน้ตบุ๊กไว้ในเครื่องเดียว ที่ยังสามารถตอบสนองการทำงานและความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบกับ “ASUS Taichi” ในสไตล์แบบที่คุณเป็น

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

LG นำเสนอจอมอนิเตอร์ 3 รุ่นใหม่



บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (LG) ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีจอมอนิเตอร์ นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์จอมอนิเตอร์รุ่นใหม่ในปี 2556 มุ่งเน้นตอบสนองการใช้งานด้านกราฟฟิคและความบันเทิงอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อม 3 รุ่นไฮไลต์ นำด้วยนวัตกรรมจอมอนิเตอร์ขนาด 29 นิ้วที่มีอัตราส่วนภาพแบบ 21:9 รุ่นแรกของโลก

สำหรับจอมอนิเตอร์ 3 รุ่นไฮไลต์จากแอลจี ได้แก่ จอมอนิเตอร์รุ่น LG IPS Monitor UltraWide ซึ่งเป็นจอมอนิเตอร์ขนาด 29 นิ้วที่มีอัตราส่วนภาพแบบ 21:9 เหมาะสำหรับใช้ทำงานแบบมัลติทาสก์กิ้ง สามารถแบ่งหน้าจอการใช้งานได้ถึง 4 หน้าจอบนจอภาพเดียวกัน และปรับเปลี่ยนลักษณะของหน้าจอได้ถึง 8 รูปแบบตามความต้องการ นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี Dual Link-Up เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ อาทิ คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องเล่นบลูเรย์เข้าสู่จอมอนิเตอร์ พร้อมแสดงภาพของแต่ละอุปกรณ์ได้พร้อมกันถึง 2 อุปกรณ์

LG IPS Monitor ColorPrime จอมอนิเตอร์ขนาด 27 นิ้ว มอบประสิทธิภาพในการสรรสร้างสีสันระดับมืออาชีพ ด้วยความละเอียดภาพแบบ WQHD (2560x1440 พิกเซล) ให้ความสดใสของภาพ สีและความคมชัดมากขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับจอมอนิเตอร์แบบ HD ทั่วไป แสดงเฉดสีในแบบ Adobe RGB color space ได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ แม่นยำกว่าและสมจริงด้วยเทคโนโลยี Hardware Calibration เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าสีที่แสดงบนหน้าจอเป็นสีที่เสมือนภาพจริงมากที่สุด และยังปรับหน้าจอจากแนวนอนเป็นแนวตั้ง เพื่อความสะดวกในการทำงานอันหลากหลายได้อีกด้วย LG IPS Monitor ColorPrime ยังได้รับการรับรองคุณภาพด้วยรางวัล ‘Best Photo Monitor’ ปีล่าสุด (2556) จาก Technical Image Press Association (TIPA) ในฐานะที่เป็นจอมอนิเตอร์ที่ให้ภาพคมชัด แสดงสีได้มากที่สุด และเป็นจอมอนิเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์, ช่างภาพ, และกราฟฟิค ดีไซเนอร์

LG IPS Monitor Touch10 จอมอนิเตอร์ ขนาด 23 นิ้ว รองรับการสัมผัสหน้าจอพร้อมกันถึง 10 จุด เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด มอบภาพสวยคมชัด สีสันสมจริง พร้อมรองรับการใช้งานระบบ Windows 8 และยังสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นระบบสัมผัสต่างๆ ได้อย่างง่ายๆ จากวินโดว์ สโตร์ โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์อื่นๆ เพิ่มเติม พร้อมฟังก์ชั่น Keyboard on-screen และการใช้งานร่วมกับปากกา stylus ทั่วๆ ไปได้อีกด้วยจอมอนิเตอร์ LG IPS Monitor UltraWide ราคา 19,900 บาท, LG IPS Monitor ColorPrime ราคา 26,000 บาท, และ LG IPS Monitor Touch10 ราคา 18,900 บาท มีวางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายของแอลจี ทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ www.lg.com/th และ www.facebook.com/thailandlifesgood หรือติดต่อศูนย์บริการแอลจี โทร 02-878-5757

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

SENNHEISER MOMENTUM หูฟัง เฉียบ เทห์ โทนสีดำ คลาสสิค เสียงดีที่สุด

SENNHEISER MOMENTUM หูฟัง เฉียบ เทห์ โทนสีดำ คลาสสิค เสียงดีที่สุด หูฟังเซนไฮเซอร์ โมเมนตั้ม เป็นรุ่น Flagship ล่าสุดของเซนไฮเซอร์ ได้รับการออกแบบให้ มีความทันสมัย มีรสนิยม ด้วยสีโทนดำ พร้อมวัสดุที่ใช้มีคุณภาพสูงน้ำหนักเบา ขนาดไม่เทอะทะ และคุณภาพเสียงที่ยอดเยื่ยมด้วยเทคโนโลยีหูฟังระดับโลกจากเซนไฮเซอร์



การออกแบบหูฟังของเซนไฮเซอร์ ได้เลือกใช้โทนสีดำ ซึ่งเป็นเทรนล่าสุดของแบรนด์แฟชั่นระดับโลก ช่วยทำให้หูฟังมีสไตล์ที่ดูน่าค้นหา และเลือกสรรวัสดุคุณภาพดี ส่วนที่คาดศีรษะ ทำจากสแตนเลสคุณภาพสูงมีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา สามารถปรับให้กระชับกับรูปศีรษะ ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน สำหรับที่ครอบหูฟัง ทำจากหนังคุณภาพดี ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก และจุดเด่นของงานดีไซน์ คือ การเดินเส้นสีแดง ตัด กับหนังคุณภาพดีสีดำ ทำให้ หูฟังโมเมนตั้ม นี้ สวยคลาสสิค ตั้งแต่แรกเห็น

หูฟัง โมเมนตั้ม ได้นำเทคโนโลยีของหูฟังระดับ High-end เข้ามาใช้ ซึ่งให้เสียงที่ชัดเจน ให้เรนจ์เสียงที่กว้าง สามารถก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ได้ทำให้คนรักเสียงเพลงเพลิดเพลินไปกับหูฟังที่มีการดีไซน์ที่ทันสมัย วัสดุที่เลือกสรร และ คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด เท่าที่ เทคโนโลยีของเซนไฮเซอร์ เคยทำมา

นอกจากนี้ โมเมนตั้ม ยังใช้เป็น สมอล์ทอล์กเพื่อรับโทรศัพท์เมื่อมีคนโทรเข้ามา พร้อมรองรับคำสั่ง ควบคุมการใช้งานด้วยเสียง สำหรับอุปกรณ์ ของไอโฟน หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ศูนย์การค้าชั้นนำ ราคา 15,900 บาท

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

AMD เปิดตัว G-Series SoC

งานแสดงสินค้า DESIGN West – AMD เปิดตัว AMD Embedded G-Series System-on-Chip (SoC) รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นชิปแบบฝังตัว โดยซีพียูใช้สถาปัตยกรรม “Jaguar” และเอเอ็มดีกราฟฟิกการ์ด Radeon™ 8000 Series การเปิดตัวชิปในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ของเอเอ็มดีที่ต้องการจับตลาดอื่นๆที่เติบโตสูงนอกเหนือจากตลาดพีซี โดยเฉพาะตลาดชิปแบบฝังตัว



ระบบฝังตัวนี้มีเริ่มบทบาทขึ้นเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่ทีวีอัจฉริยะ และกล่องแปลงสัญญาณดิจิตอลไปจนถึง ระบบแสดงผลแบบโต้ตอบได้และตู้ประชาสัมพันธ์ สำหรับระบบฝังตัวนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อที่ยิ่งดีขึ้น และคาดว่าจะเป็นไดร์ฟเวอร์ให้กับ Surround Computing อีกด้วย

AMD Embedded G-Series SoC ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ SoC ทำให้ประสิทธิภาพของซีพียูเมื่อเทียบกับเอพียู G-Series ของเอเอ็มดีรุ่นก่อนเพิ่มขึ้น 113% และเมื่อเทียบกับซีพียู Intel Atom 5 จะเร็วขึ้น 125% ชิปรุ่นใหม่นี้รองรับการทำงานบน DirectX® 11.1, OpenGL 4.2x และ OpenCL™ 1.22 ทำให้สามารถประมวลผลแบบขนาน และประมวลผลกราฟฟิกมีประสิทธิภาพสูงได้ ซึ่งทำให้คุณภาพด้านกราฟฟิกดีขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับเอพียู G-Series ของเอเอ็มดีรุ่นก่อน และมีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel Atom 5 ถึง 5 เท่า

“เราได้คิดค้นผลิตภัณฑ์คุณภาพดีในเรื่องของชิป กราฟฟิกการ์ด และสื่อผสม ตลอดจนระบบพื้นฐานในการผลิตชิปแบบฝังตัวอันเหนือชั้นนี้” อรุน เลียนการ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของเอเอ็มดีกล่าว “ด้วยขนาดที่เล็กกว่าเดิม 33% การใช้พลังงานต่ำลงและประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ทำให้ AMD Embedded G-Series SoC รุ่นใหม่นี้ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสื่อผสมและรองรับการทำงานปริมาณมากได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่โปรแกรมแบบเดิมไม่สามารถทำได้ดีเท่า”

AMD Embedded G-Series SoC ได้รวมเอาทรัพยากรสำรองเฉพาะ ที่สามารถมอบประสิทธิภาพการใช้งานอันโด่ดเด่น และทรัพยากรที่ใช้ร่วมกัน เพื่อช่วยลดอัตราการใช้พลังงาน และเพื่อทำให้นักพัฒนามีความยืดหยุ่นจากการใช้ชิปเพียงตัวเดียวในการใช้งานโปรแกรมต่างๆ

AMD Embedded G-Series SOC รองรับทั้ง Windows Embedded 8 และ Linux และได้รับการออกแบบให้ใช้ได้บนโปรแกรมต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงระบบควบคุมอุตสาหกรรม สื่อประชาสัมพันธ์ทางจอดิจิตอล ระบบเกม อิเล็กทรอนิกส์ ระบบจัดเก็บข้อมูลเอสเอ็มบี การออกอากาศโทรทัศน์ผ่านระบบเครื่อข่ายอินเตอร์เน็ต อุปกรณ์การแพทย์ กล่องแปลงสัญญาณดิจิตอลและอื่นๆ อีกมากมาย โดยจะวางจำหน่ายในไตรมาสที่สองนี้

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

BenQ ส่งกล้องดิจิตอล GH Series เอาใจคอถ่ายภาพด้วยระบบ High Performance Optical Zoom Lens

บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด (BenQ) ส่งกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ล่าสุด GH800 เน้นฟังก์ชั่น High Performance Optical Zoom Lens ให้คุณสามารถบันทึกภาพระยะไกลทุกช็อตได้อย่างง่ายดาย กล้องรุ่น GH800 ให้ความละเอียดภาพสูงถึง 18 ล้านพิกเซล ออปติคอลซูมสูงสุดถึง 36เท่า ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของกล้องรุ่นนี้ อีกทั้ง GH800 ยังมาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้วที่สามารถปรับพับได้หลายมุมมอง เพื่อความสะดวกในการถ่ายภาพในพื้นที่จำกัดหรือการถ่ายภาพจากมุมมองใหม่ๆ โดยรุ่น GH800 สามารถบันทึกภาพวีดีโอระบบ Full HD 1080P พร้อมเทคโนโลยี HDR ให้ภาพของคุณสวยทุกสภาวะแสง และลูกเล่นการทำงานอีกหลายฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นระบบ LOMO effect ซึ่งช่วยให้สามารถเปลี่ยนภาพปกติให้เป็นภาพ LOMO ได้ในพริบตา และอีกฟังก์ชั่นคือ ฟังก์ชั่นเลนส์ Fisheye ให้ภาพเป็นมุมกว้างที่มีมิตินูน สร้างสรรค์ภาพให้มีมิติที่สนุกสนานมากขึ้นและระบบอื่นๆที่เพิ่มลูกเล่นอีกมากมาย



กล้องดิจิตอล BenQ GH800 ราคา 9,990 บาท วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ร้าน Photo Hut, ร้าน digital2home และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ www.benq.co.th หรือ โทร 02-670-0310 ต่อ 126



ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท BenQ Corporation บริษัท BenQ Corporation ซึ่งเป็นผู้นำในด้านอุปกรณ์เพื่อไลฟสไตล์แบบยุคดิจิตอล เป็นบริษัทที่มีบริษัทในเครือมากมาย และมีจุดแข็งด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีเพื่อการรับชมภาพ และเทคโนโลยีแบบพกพา BenQ มีผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีมากมายที่ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเทียม โดยผ่านพันธกิจของแบรนด์ คือ “สร้างชีวิตให้สนุกและมีคุณภาพผ่านผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย ได้แก่ เครื่องฉายภาพ, หน้าจอ LCD, คอมพิวเตอร์ PC, แล็ปท็อป, เน็ตบุ๊ค, คอมพิวเตอร์ PC อเนกประสงค์, กล้องดิจิตัล, อุปกรณ์เก็บรักษาข้อมูล, อุปกรณ์อ่าน e-Book, โทรศัพท์มือถือ, สื่อเพื่อเก็บข้อมูล และอุปกรณ์เพื่อการใช้งานอื่น ๆ เช่น เมาส์และคีย์บอร์ด ในปี ค.ศ. 2008 รายรับของบริษัท BenQ Corporation สูงเกิน 1.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ.

ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มบริษัท BenQ Group ในปัจจุบัน กลุ่มบริษัท BenQ Group ประกอบด้วยบริษัทลูก 16 บริษัทที่ดำเนินการด้วยตนเองโดยใช้ทรัพยากรและเจริญเติบโตร่วมกัน บรรดาบริษัทในกลุ่ม BenQ Group ได้แก่ บริษัท BenQ Corporation, บริษัท AU Optronics Corporation (ผู้ผลิตหน้าจอ TFT-LCD ขนาดใหญ่ รายใหญ่อันดับสามของโลก), บริษัท Qisda Corporation, บริษัท Darfon Electronics Corporation, บริษัท Daxon Technology Inc., บริษัท Daxin Materials Corp., บริษัท Forhouse Corp., บริษัท Light House Tech, SiPix Imaging, บริษัท Lextar Electronics Corp. บริษัท BenQ Guru Software Co., โรงพยาบาล BenQ, บริษัท Darwin Precisions, Ltd, บริษัท Raydium Semiconductor Corporation, บริษัท Cando Corporation และบริษัท Wellypower Co., Ltd.

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

“เอซุส” เปิดตัวซาวด์การ์ดสำหรับชาวเกมเมอร์

ASUS” เปิดตัวซาวด์การ์ดสำหรับชาวเกมเมอร์ “ROG Xonar Phoebus Solo 7.1” ยกระดับประสบการณ์เกมให้ถึงขีดสุดด้วยสุดยอดพลังเสียงคมชัดรอบทิศทาง กระหึ่มถึงใจสูงสุด 118 dB SNR พร้อมแอมป์ขับหูฟัง 600 โอห์ม คุณภาพเสียงชัดใสระดับ Extra-Clear สะใจคอเกมทุกรูปแบบด้วย



ASUS” ผู้นำนวัตกรรมแห่งยุคดิจิตอลระดับโลก ประกาศการมาถึงของอีกหนึ่งสุดยอดผลิตภัณฑ์จากตระกูล ROG (Republic of Gamers) กับซาวด์การ์ดรุ่นใหม่ล่าสุด “ROG Xonar Phoebus Solo 7.1 PCI Express” ที่สุดแห่งพลังเสียงเพื่อการเล่นเกม ที่จะช่วยเพิ่มความตื่นเต้น เร้าใจ ให้อรรถรสถึงขีดสุด ราวกับอยู่ในสถานการณ์จริง ให้เกมเมอร์ได้สัมผัสกับประสบการณ์ด้านเสียงที่เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีระดับสูงของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Xonar Phoebus ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอย่างดีในเรื่องของคุณภาพเสียงที่คมชัด มาพร้อมระดับเสียงสุดกระหึ่มถึง 118 เดซิเบลล์ ในอัตราส่วน Signal-to-Noise Ratio หรือ SNR พ่วงมากับแอมป์ขับหูฟังขนาด 600 โอห์ม ระบบเสียง Dolby Home Theater V4, และระบบ DTS™ UltraPC II Surround Sound

ดีไซน์อันพิถีพิถันเพื่อคุณภาพเสียงที่เหนือกว่า ซาวด์การ์ด ROG Xonar Phoebus Solo มาพร้อมฝาครอบป้องกันแบบ EMI ใช้เทคโนโลยี ASUS Hyper Grounding ลิขสิทธิ์เฉพาะจากเอซุสที่ช่วยลดผลกระทบจากการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี ASUS Hyper Grounding นี้เป็นการต่อยอดมาจากการออกแบบมาเธอร์บอร์ดของเอซุสมาสู่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มออดิโอ โดยใช้แผ่น PCB ที่ประกอบขึ้นแบบหลายชั้น (Multi-layer PCB) และระบบกระจายพลังงานที่มีความเสถียรสูงสุด ช่วยลดเสียงรบกวนจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ที่เป็นส่วนประกอบของพีซี ช่วยสร้างคุณภาพเสียงที่กระหึ่ม ชัดใส ไร้ความผิดเพี้ยน และเมื่อจับคู่ซาวด์การ์ดรุ่นนี้เข้ากับเครื่องแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอะนาล็อกรุ่น PCM1796 จะช่วยเร่งประสิทธิภาพของ ROG Xonar Phoebus Solo ให้ทำงานได้อย่างเต็มสมรรถนะถึงขีดสุด โดยให้ระดับเสียงสุดกระหึ่มได้ถึง 118 เดซิเบลล์ ในอัตราส่วน Signal-to-Noise Ratio หรือ SNR ซึ่งหมายความว่าเหล่าเกมเมอร์จะสามารถได้ยินทุกรายละเอียดเสียงในเกม และสัมผัสกับประสบการณ์ด้านเสียงในรูปแบบใหม่ไปอีกขั้น

สุดยอดพลังเสียงสำหรับผู้ใช้หูฟังในการเล่นเกม เกมเมอร์หลายคนอาจชอบสวมหูฟังเวลาเล่นเกมโปรด เพื่อป้องกันเสียงรบกวนไปสู่ผู้อื่น และสำหรับ ROG Xonar Phoebus Solo เป็นหนึ่งในซาวด์การ์ดเพียงไม่กี่รุ่นในท้องตลาดที่ใช้เทคโนโลยีแอมป์ TPA6120A2 ระดับสูงสุดที่มีค่าความต้านทานต่อไฟฟ้ากระแสสลับถึง 600 โอห์ม ผลลัพธ์คือขีดสุดแห่งความคมชัดของเสียงในระดับ Extra-Clear นอกจากนี้ ROG Xonar Phoebus Solo ยังมาพร้อมระบบเซอร์ราวนด์ซาวด์คุณภาพ Dolby Home Theater V4 เทียบเท่ากับการรับฟังในโรงภาพยนตร์ สำหรับทั้งการกระจายเสียงผ่านลำโพงแบบเอ็กซ์เทอร์นอล และผ่านหูฟัง อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี DTS UltraPC II ใหม่เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพเสียงที่ได้จะมีความคมชัดและดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะใช้แอ็พพลิเคชั่นใดก็ตามบนเครื่องเดสก์ท็อปพีซี อาทิ การเล่นเกม การชมภาพยนตร์ ไปจนถึงการโทรศัพท์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต

กำหนดค่าสำหรับโปรไฟล์เสียงส่วนตัว ได้อย่างง่ายดาย พร้อม Xonar Phoebus Driver Update ด้วยความสามารถในการกำหนดค่าเสียงเฉพาะสำหรับเกมแต่ละเกม ในแบบ Gengre-Optimized ช่วยให้เกมเมอร์กำหนดโหมดการใช้งานที่เหมาะสมเข้ากับเกมที่ตนเองโปรดปรานได้อย่างง่ายดาย อาทิ โปรไฟล์สำหรับเกมยิง (FPS), เกมวางแผนการรบแบบเรียลไทม์, เกมบทบาทสมมติ หรือ Role Play และเกมแข่งขันความเร็วต่างๆ ซึ่งหมายความว่า เกมเมอร์จะสามารถสนุกเพลิดเพลินไปกับคุณภาพเสียงที่ให้อรรถรสเข้ากับรูปแบบเกมที่กำลังเล่นอยู่และสำหรับสาวกของ ROG Xonar Phoebus ที่มีผลิตภัณฑ์ซาวด์การ์ดรุ่นเดิมอยู่แล้ว สามารถอัพเกรด Gengre-Optimized ของโปรไฟล์เกมใหม่ๆ รวมถึงระบบเสียง DTS UltraPC II Suite ได้ทันทีผ่านทาง Phoebus Driver Update

พบกับสุดยอดซาวด์การ์ด ROG Xonar Phoebus Solo 7.1 PCI Express จากเอซุสได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.asus.co.th หรือพูดคุยผ่านทาง Facebook.com/ASUS.DIY

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เปิดเทอมใหม่ไม่มีเบื่อกับ Lenovo

เตรียมตัวช้อปสนุกต้อนรับเปิดเทอม บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด ยกทัพคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบออล-อิน-วัล อัลตร้าบุ้คและ โน๊ตบุ้ก โดดเด่นหลากสไตส์ทั้งดีไซน์และขนาดให้เลือกสรรมากมาย โดยมุมราคาประหยัด เลอโนโวจัดคอมพิวเตอร์ออล-อิน-วัล C340 มาพร้อมโปรโมชั่นให้คุณเป็นเจ้าของกันในราคาเริ่มต้นเพียง 10,990 บาท หรือโน๊ตบุ้ก G480 ในราคาเริ่มต้นเพียง 10,490 บาท ใครเน้นจอภาพ 3มิติ ขอแนะนำ IdeaCentre B340 3D ในราคาพิเศษ 26,990 บาท รับฟรีลำโพง C1530 หรือใครมองหาคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่มีระบบมัลติทัช 10 จุด ขาตั้งสามารถปรับมุมได้ตั้งแต่ -5 ถึง 90 องศา แนะนำ IdeaCentre A520 ในราคาพิเศษ 38,990 บาท พร้อมรับฟรีลำโพง C1530 2.1 มูลค่า 1490 บาท นอกจากนี้ ใครเน้นทันสมัยและใช้ระบบสัมผัสเป็นชีวิตจิตใจ สัมผัสเลอโนโวรุ่นใหม่ล่าสุด อาทิ โน๊ตบุ้ก IdeaPad U410T ดีไซน์บางเบา พกพาสะดวก ในราคา 22,990 บาท โน๊ตบุ้ก IdeaPad Z400T ที่มาพร้อมดีไซน์สีสันสดใส ให้คุณจับจองได้ราคา 26,990 บาท



พร้อมเติมเต็มพลังกับอุปกรณ์เสริมจากเลอโนโวนำมาลดพิเศษสูงสุด 30% อาทิ เม้าท์ไร้สาย N3903 ในราคาสุดพิเศษจาก 699 บาท เหลือราคาสุทธิพียง 490 บาท และ หูฟัง P950 ราคาปกติ 999 บาท เหลือเพียง 799 บาท เท่านั้น


โปรโมชั่น Back to School เริ่มตั้งแต่ วันนี้ – 19 มิถุนายน 2556 ราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เลอโนโว หรือ โทร. 02- 689- 6451 หรือรายละเอียดที่เว็ปไซต์เลอโนโว (www.lenovo.com/th), สมัคร Lenovo RSS feeds (http://news.lenovo.com) หรือติดตามข้อมูลผ่าน Facebook (www.facebook.com/lenovo.lover)

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ASUS ส่งกราฟฟิกส์การ์ด 2 รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย NVIDIA

ให้สาวก D.I.Y เลือกได้ตามสไตล์ที่โปรดปรานกับ “GeForce GTX 650 Ti BOOST DirectCU II” ทรงพลังเต็มพิกัดด้วยรอบโอเวอร์คล็อกสูงถึง 1,085 เมกกะเฮิร์ทซ์ และ “GeForce GTX 670 DirectCU Mini” การ์ดจอฉบับมินิแต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพสำหรับพีซีที่ใช้มาเธอร์บอร์ดไซส์ Mini ITX /Micro ATX

ASUS” ผู้ผลิตมาเธอร์บอร์ดที่มียอดขายและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลกประกาศเปิดตัวสุดยอดกราฟฟิกส์การ์ดใหม่ล่าสุด 2 รุ่นจาก NVIDIA “GeForce GTX 650 Ti BOOST DirectCU II” ที่มาพร้อมความสามารถในการโอเวอร์คล็อกอย่างพร้อมสรรพ์ด้วยความเร็ว GPU สูงสุดที่ 1,085 เมกกะเฮิร์ทซ์ พร้อมหน่วยความจำขนาด 2GB แบบ GDDR5 บนอินเตอร์เฟซความเร็ว 192 บิต และ “GeForce GTX 670 DirectCU Mini” กราฟฟิกส์การ์ดที่ถูกย่อขนาดลงแต่ยังให้ประสิทธิภาพสูง โดยได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษให้ใส่เข้ากับพีซีที่ใช้มาเธอร์บอร์ดขนาด Mini ITX และ Micro ATX ได้อย่างลงตัว โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วย DirectCU II ที่มีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมเหนือชั้น สามารถทำงานได้เงียบ ทนทาน ให้คอเกมเลือกใช้ได้ตามสไตล์การประกอบพีซีแบบ D.I.Y อย่างมีอิสระภายใต้งบประมาณที่เหมาะสม

GeForce GTX 650 Ti BOOST DirectCU II” – กราฟฟิกส์การ์ดเพื่อคอเกมขา D.I.Y


GTX 650 Ti BOOST DirectCU II มาพร้อมความแรงด้วยการโอเวอร์คล็อกจากโรงงานที่ 1,085 เมกกะเฮิร์ทซ์ และใช้หน่วยความจำขนาด 2GB แบบ GDDR5 บนอินเตอร์เฟซความเร็ว 192 บิต ให้ประสิทธิภาพแรงจัด พร้อมรองรับระบบ DirectX 11.1 ให้คอเกมและขา D.I.Y สามารถจูนและปรับแต่งค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยฟีเจอร์พิเศษ GTX 650 Ti BOOST DirectCU II จากเอซุส ซึ่งประกอบด้วยระบบทำความเย็น DirectCU II Cooler ช่วยรักษาอุณหภูมิให้เย็นกว่าการ์ดรุ่น GTX 650 Ti BOOST แบบปกติถึง 20% พร้อมด้วยวัสดุทนทานระดับ Super Alloy Power ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า และยูทิลิตี้ GPU Tweak สำหรับการจูนค่าต่างๆ ที่ใช้งานง่าย

Direct CU II ช่วยรีดสปีดให้แรงจัด แต่คงความเงียบและเย็นอย่างเหนือชั้น

ด้วยการออกแบบโครงสร้างเพื่อการระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพของเอซุส ช่วยสร้างความเสถียรให้การเล่นเกมในระดับไฮเอ็นด์ ด้วยท่อระบายความร้อนพิเศษที่ทำจากทองแดงทั้งหมดและมีหน้าสัมผัสโดยตรงกับ GPU ส่งผลให้สามารถรักษาระดับอุณภูมิภายในได้เย็นขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับการ์ดจอปกติในรุ่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีพัดลมระบายอากาศขนาด 80 มิลลิเมตรที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยมีใบพัดที่ใช้หลักการด้านวิศวกรรมในการออกแบบให้สามารถลดแรงฉุด ทำให้ช่วยลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนจากพัดลมอย่างมีประสิทธิภาพอีกทั้งยังทำงานผสานกับระบบ DirectCU II Cooler ได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อเปรียบเทียบกับการ์ดปกติในรุ่นเดียวกันแล้ว ASUS GeForce GTX 650 Ti BOOST DirectCU II สามารถทำงานได้เงียบกว่าถึง 3 เท่า*

วัสดุระดับ Super Alloy Power – ให้เสถียรภาพที่วางใจได้สำหรับการโอเวอร์คล็อกแบบสมบุกสมบัน เอซุสใช้วัสดุเกรดคุณภาพสูงสำหรับตัวกราฟฟิกส์การ์ดเพื่อรองรับอุณหภูมิสูง จากการใช้งานและโอเวอร์คล็อกอย่างสมบุกสมบัน ช่วยยืดอายุของผลิตภัณฑ์ให้ยาวนานยิ่งกว่า และยังใช้วัสดุชั้นเยี่ยมในส่วนของ โซลิทคาปาซิเตอร์ โช้คที่มีแกนกลางทำจากคอนกรีต และ MOSFETs ที่แข็งแกร่ง ให้ความคงทนและยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นถึง 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับการ์ดรุ่นปกติ นอกจากนี้ยังช่วยให้โอเวอร์คล็อกได้ไกลยิ่งขึ้นอีกประมาณ 15% เมื่อเทียบกับการ์ดแบบปกติรุ่นเดียวกัน

ยูทิลิตี้ GPU Tweak ให้เหล่าเกมเมอร์เข้าถึงการจูนค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วย ยูทิลิตี้ GPU Tweak ลิขสิทธิ์เฉพาะจากเอซุส คอเกมสามารถจูนและปรับแต่งค่าต่างๆ ผ่านอินเตอร์เฟซที่ใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนฟีเจอร์หรือตั้งค่าคุณสมบัติด้านกราฟฟิกส์ต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างใจสั่ง ทั้งความเร็ว Core ความเร็วนาฬิกา ค่าโวลท์ ความเร็วพัดลม และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถสร้างโพรไฟล์สำหรับตั้งค่าเกมต่างๆ ในแบบเฉพาะได้ ช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะคู่ต่อสู้ หรือทำลายสถิติได้มากขึ้น

GeForce GTX 670 DirectCU Mini” – กราฟฟิกส์การ์ดรุ่นจิ๋ว แต่พ่วงความสามารถแบบไม่จิ๋ว


กราฟฟิกส์การ์ดฉบับกะทัดรัดที่ให้ประสิทธิภาพสูง ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อการประหยัดเนื้อที่บนพีซีที่ใช้มาเธอร์บอร์ดขนาด Mini ITX และ Micro ATX ใช้พื้นที่ติดตั้ง 2 สล็อต กับความยาวเพียง 17 ซม. ซึ่งสล็อตของการ์ดรุ่นปกตินั้นมีขนาดถึง 24.13 ซม. ด้วยความกระทัดรัดและสะดวกต่อการประกอบนี้เอง ส่งผลให้ GTX 670 DirectCU Mini เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคอเกมและผู้ใช้ทั่วไป ช่วยให้การเดินสายไฟภายในเคสทำได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังนำมาประกอบเป็นโฮมเธียเตอร์พีซี (HTPC) แบบ D.I.Y เพื่อการใช้งานด้านบันเทิงมัลติมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟฟิกส์ที่คมชัด มาพร้อมระบบระบายอากาศแบบ DirectCU Thermal Design ที่ผสานการทำงานระหว่างหอระบายความร้อนแบบไอระเหย (Heat-spreading vapor chamber) เข้ากับพัดลมแบบ CoolTech Fan ช่วยสร้างการระบายอากาศในวงกว้างและรักษาความเย็นให้ภาพกราฟฟิกส์และอุปกรณ์ต่างๆ มีความเสถียรสูงสุด

ระบบระบายความร้อนแบบ DirectCU และพัดลมระบายอากาศแบบ CoolTech Fan ด้วยความสามารถในการรักษาอุณหภูมิจากระบบ DirectCU Cooler ผสานกับการใช้ท่อทองแดงระบายความร้อนที่อยู่ติดกับส่วนบนของ GPU โดยตรง หรือ Heat-spreading vapor chamber ทำให้เอซุสมีระบบสร้างความเย็นแบบใหม่ที่ช่วยกระจายความร้อนและลดอุณหภูมิลงได้กว่า 20% (หรือประมาณ 7.5 องศาเซลเซียส) เมื่อเทียบกับการ์ด GTX670 รุ่นปกติ นอกจากนี้ ยังใช้พัดลมแบบ CoolTech Fan ที่ใช้ทั้งระบบแกนหมุนและลมเป่า ช่วยสร้างการระบายอากาศในวงกว้าง ให้ความเย็นและช่วยระบายความร้อนผ่านออกไปจากตัวการ์ดจากทางด้านหลังและด้านบน อีกทั้งยังให้การทำงานที่เงียบยิ่งขึ้นถึง 3 เท่าภายในพื้นที่จำกัด

วัสดุ Super Alloy Power เพื่อเสถียรภาพและความคงทนที่เหนือกว่า ด้วยความได้เปรียบจากขนาดของตัวการ์ดจอที่เล็กกระทัดรัด ASUS GeForce GTX 670 DirectCU Mini ใช้เทคโนโลยี Direct Power ที่ช่วยประสานการส่งกำลังจากส่วนประกอบต่างๆ กับ GPU เพื่อผลลัพธ์ที่มีเสถียรภาพในการกระจายพลังงาน สร้างความต้านทานต่อไฟฟ้าสลับต่ำลงถึง 56% และช่วยให้แผ่น PCB เย็นขึ้นถึง 15% ด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยมระดับ Super Alloy Power ในส่วนของ โซลิทคาปาซิเตอร์ โช้ค และ MOSFETs ช่วยให้ความคงทนและยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นถึง 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของการ์ดจอทั่วๆ ไป

GPU Tweak ยูทิลิตี้ที่ให้การจูนนิ่งที่ง่ายและแม่นยำ ยูทิลิตี้ GPU Tweak ลิขสิทธิ์เฉพาะจากเอซุส มีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนฟีเจอร์หรือตั้งค่าคุณสมบัติด้านกราฟฟิกส์ต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วตามต้องการ ทั้งเปลี่ยนค่าความเร็ว Core ตั้งความเร็วนาฬิกา เช็ทค่าโวลท์ ความเร็วพัดลม หรือค่าการจ่ายพลังงาน ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถสร้างโพรไฟล์สำหรับตั้งค่าเกมต่างๆ ในแบบเฉพาะได้ ช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะคู่ต่อสู้ หรือทำลายสถิติได้มากขึ้น

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

มาแล้ว! Enterprise Hard Drive WD XE แบบ SAS

มาแล้ว! เอ็นเตอร์ไพร์ซ ฮาร์ดไดรฟ์ WD XE™ แบบ SAS ฮาร์ดไดรฟ์ 2.5 นิ้วล่าสุดในอะแดปเตอร์ไซส์ 3.5 นิ้ว มอบความยืดหยุ่นระดับสูง สำหรับระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเก่าของดาต้าเซ็นเตอร์



WD® บริษัทในเครือของเวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์เปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูล วันนี้เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ WD XE™ แบบ SAS ขนาด 2.5 นิ้ว ให้ความเร็วในการหมุนรอบจานที่ 10,000 รอบต่อนาที ใส่มาในตัวอะแดปเตอร์แปลงของ WD ขนาด 3.5 นิ้ว สามารถนำไปใส่ในระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเดิมของศูนย์ข้อมูลที่ปกติแล้วใช้ฮาร์ดดิสก์ SAS ขนาด 3.5 นิ้ว พร้อมมอบประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในฮาร์ดดิสก์ระดับเดียวกันนี้ กินไฟต่ำ พร้อมกับความง่ายดายในการอัพเกรดเข้ากับระบบจัดเก็บข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วแบบเดิมที่มีอยู่

ขณะที่ความต้องการใช้งานฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วประสิทธิภาพสูงสำหรับองค์กรอยู่ในระดับต่ำ แต่ฮาร์ดดิสก์แบบนี้ก็ยังคงมีความจำเป็นสำหรับอุปกรณ์ทางเลือกในการจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูง ในฐานะที่เป็นโซลูชันในการเปลี่ยนถ่ายสำหรับระบบเดิม ฮาร์ดดิสก์ WD XE รุ่นนี้นำเสนอประสิทธิภาพในการถ่ายโอนข้อมูลอย่างต่อเนื่องที่ดีที่สุดสำหรับฮาร์ดดิสก์ในระดับเดียวกัน และสามารถอัพเกรดได้อย่างสบายๆ สำหรับศูนย์ข้อมูลที่ต้องการย้ายจากฮาร์ดดิสก์แบบเดิมๆ ที่ใกล้หมดยุคแล้ว

ริช รูทัลเลดจ์ รองประธานอาวุโสของหน่วยธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ของ WD กล่าวแสดงความเห็นว่า “ด้วยความจุที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 50% ให้ประสิทธิภาพในการถ่ายโอนข้อมูลอย่างต่อเนื่องสูงสุดในระดับที่ใกล้เคียงกับของเดิมหรือดีกว่า ความน่าเชื่อถือในระดับที่สูงขึ้น และกินไฟน้อยลงสูงสุดถึง 67% เทียบกับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วแบบเดิมที่มีความเร็วรอบในการหมุนจานที่ 15,000 รอบต่อนาทีแล้ว ฮาร์ดดิสก์ WD XE รุ่นใหม่นี้คือคำตอบสำหรับเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูลและระบบจัดเก็บข้อมูลที่ต้องการกลยุทธ์ในการเปลี่ยนถ่าย” พร้อมเสริมว่า “ตอนนี้ ผู้จัดการด้านไอทีสามารถวางแผนการย้ายไปใช้ฮาร์ดดิสก์ของ WD ประสิทธิภาพสูงรุ่นล่าสุดสำหรับองค์กรได้โดยไม่ต้องกังวลใจ และขณะเดียวกันก็ยังสามารถรักษาโครงฮาร์ดดิสก์ตัวเดิมและการลงทุนในระบบไว้ได้ตามเดิม”

คุณสมบัติของฮาร์ดดิสก์ WD XE แบบ SAS ขนาด 2.5 นิ้วที่ใส่มาในตัวแปลงขนาด 3.5 นิ้ว ได้แก่:


  • ประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับฮาร์ดดิสก์ในระดับเดียวกัน - ฮาร์ดดิสก์ WD XE มีอัตรการถ่ายโอนที่เร็วมากเป็นพิเศษที่ 6 Gb/วินาที อัตราถ่ายโอนข้อมูลแบบต่อเนื่องที่ดีที่สุดสำหรับฮาร์ดดิสก์ในระดับเดียวกันที่ 204 MB/วินาที และความเร็วในการสุ่มบันทึกข้อมูลทั้งอ่าน/เขียนที่โดดเด่นเหนือชั้น
  • กินไฟน้อย – ฮาร์ดดิสก์แบบ SAS ขนาด 2.5 นิ้ว ใช้พลังงานน้อยลงสูงสุดถึง 67% เมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ SAS 3.5 นิ้วแบบเดิมที่มีความเร็วในการหมุนรอบจานที่ 15,000 รอบต่อนาที จึงช่วยลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ได้เป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ยังมีความจุและให้ความน่าเชื่อถือที่มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
  • รูปทรงขนาดเล็ก – ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้วใส่ในตัวแปลงขนาด 3.5 นิ้ว ทำให้อัพเกรดง่ายขึ้น และระบายความร้อนได้มากเป็นพิเศษ
  • ดูอัลพอร์ตและการเชื่อมต่อแบบฟูลดูเพล็กซ์ – มอบความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และความพร้อมใช้ของข้อมูลในระดับที่สูงกว่า ด้วยการกำจัดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ออกแบบขึ้นสำหรับระบบศูนย์ข้อมูลที่พร้อมใช้งานในระดับสูง
  • NoTouch™ เทคโนโลยีสำหรับพักหัวเข็ม - หัวบันทึกข้อมูลจะไม่สัมผัสโดนผิวหน้าของตัวดิสก์ จึงมั่นใจได้ว่าปริมาณการสึกหรอของหัวบันทึกและผิวหน้าดิสก์จะลดลงอย่างมาก และยังช่วยปกป้องตัวไดรฟ์ในระหว่างการขนส่งได้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
  • ระดับความน่าเชื่อถือที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม – ค่าเวลาเฉลี่ยระหว่างการเสียหาย (MTBF) สูงถึง 2 ล้านชั่วโมง
ราคาและการวางจำหน่าย WD XE SAS เอ็นเตอร์ไพร์ซ ฮาร์ดไดรฟ์ที่ใส่มาในตัวอะแดปเตอร์แปลงขนาด 3.5 นิ้ว นำเสนอความจุ 300GB-900GB (models: WD3001HKHG, WD6001HKHG และ WD9001HKHG); จะพร้อมวางจำหน่าย ผ่านตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้ง ราคาแนะนำสำหรับผู้ผลิตอยู่ระหว่าง 7,690 ถึง 19,990 บาท

สินค้ารับประกันนานห้าปีเต็ม ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://wd.com/en/products/products.aspx?id=10 สำหรับหน้าเฟซบุ๊คแฟนเพจ WD ในประเทศไทย คลิก http://www.facebook.com/wdcthailand

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Samsung ส่ง Galaxy S4 รับ 3G ยึดผู้นำสมาร์ทโฟน

ซัมซุง” เตรียมทำตลาดเต็มรูปแบบ 360 องศา หลังได้ฤกษ์เปิดสมาร์ทโฟน “กาแล็คซี่ เอส 4” รับโอกาสเปิด 3 จี มั่นใจผลตอบรับดีกว่ารุ่นก่อน

นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ซัมซุงประเทศไทยพร้อมวางจำหน่าย “กาแล็คซี่ เอส 4” (Samsung Galaxy S4) สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงแห่งปีทั่วประเทศแล้ว จากนี้เตรียมใช้กลยุทธ์การทำตลาดแบบเข้มข้น 360 องศาเพื่อทำให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุดในทุกๆ ช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์



กาแล็คซี่ เอส 4 (Samsung Galaxy S4) มาพร้อมแนวคิดโทรศัพท์มือถือที่เป็นทุกอย่างสำหรับการใช้ชีวิต นอกจากสเปคเครื่องระดับไฮเอนด์ ฟีเจอร์การใช้งาน 4 อย่างคือ ระบบการสั่งการไร้สัมผัส (Air Gesture) ถ่ายภาพแอนิเมชั่น (Animation Photo) เล่นเพลงแบบกลุ่ม (Group Play) และถ่ายภาพกล้องหน้าและหลังในเวลาเดียวกัน (Dual Camera) ราคา 21,900 บาท มีให้เลือก 2 สีขาว และดำ

“คนไทยนับว่าใหม่อยู่มากสำหรับสมาร์ทโฟน การใช้งานอย่างเต็มรูปแบบจริงๆ ก็มีน้อย ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายของกาแล็คซี่เอส 4 คือทุกคนที่สนใจใช้งานสมาร์ทโฟนและคนที่สนใจในแอนดรอยด์ซึ่งกลายเป็นระบบปฏิบัติการหลักไปแล้ว สำหรับจำนวนเครื่องที่นำเข้ามาช่วงแรกนี้พิจารณาตามความต้องการของตลาด หากไม่พอจะนำเข้ามาเพิ่มอีก” นายวิชัย เผย

ข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกระบุว่า การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตผ่านโมบายแซงหน้าเดสก์ท็อปไปแล้ว หมายความว่าคนใช้ชีวิตโมบิลิตี้มากขึ้น ตลาดไทยนิยมใช้โซเชียล เน็ตเวิร์คสูงมาก จึงเป็นโอกาสขยายตลาดที่ดีกับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั้งเป็นไปได้ว่าลูกค้าบางรายที่เคยใช้สมาร์ทโฟนแล้ว ต้องการใช้งานมากกว่า 1 เครื่อง

เขาระบุด้วยว่า บริการ 3 จีที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการส่งผลดีต่อกระแสของตลาด แต่ต้องช่วยกันผลักดันต่ออีกเพื่อกระตุ้นให้ภาพรวมเติบโตมากขึ้น ขณะนี้ตลาดเคลื่อนไหวและเปิดตัวสินค้าใหม่เร็วมาก หากผู้บริโภคจำนวนมากกลัวการใช้เทคโนโลยีซึ่งบริษัทต้องพยายามศึกษาพฤติกรรมเพื่อนำเสนอสินค้าให้ตรงความต้องการมากที่สุด



นายสิทธิโชค นพชินบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม กล่าวเสริมว่า เตรียมขยายศูนย์บริการหลังการขายจากเดิม 20 กว่าแห่ง เป็น 45 แห่งภายในสิ้นปีนี้ รองรับธุรกิจที่เติบโตก้าวกระโดด และเพิ่มงบลงทุนทำตลาดโดยเน้นช่องทางออนไลน์ อีเวนท์ขนาดใหญ่ และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้เครื่องก่อนตัดสินใจซื้อ

นอกจากนี้ เตรียมขยายฐานไปสู่ตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เปลี่ยนจากระบบ 2จีไปเป็น 3จี กลุ่มที่สนใจเครื่องที่มีขนาดหน้าจอไม่เหมือนกัน และกลุ่มผู้ใหญ่ที่สนใจใช้งานสมาร์ทโฟน โดยจะทำตลาดเชิงลึกมากขึ้น

ทั้งนี้้ ซัมซุงครองตำแหน่งผู้นำตลาดมือถือไทยและมีช่องว่างกับอันดับที่ 2 ชัดเจน ดังนั้นก้าวต่อไปจะพยายามทำให้การใช้งานมือถือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของลูกค้ามากขึ้นทั้งการติดต่อสื่อสาร และพัฒนาคุณภาพชีวิต ไม่ใช่แค่การแชท

ข้อมูลซัมซุงระบุว่า กาแล็คซี่ เอส ที่เปิดตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อนมียอดขายทั่วโลก 20 ล้านเครื่อง กาแล็คซี่ เอส2 มี 28 ล้านเครื่อง และกาแล็คซี่ เอส3 มากกว่า 50 ล้านเครื่อง ซึ่งมั่นใจว่า Samsung Galaxy S4 จะรับได้ผลตอบรับไม่น้อยกว่า

ขณะที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 ราย ต่างยืนยันความพร้อมขาย และจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับเครื่องรุ่นใหม่นี้

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Fujitsu ScanSnap iX500

แวลลูฯ นำเสนอ “Fujitsu ScanSnap iX500” สแกนเนอร์ที่จะทำให้งานเอกสารของคุณเป็นเรื่องง่ายและสแกนได้จากทุกที่ทุกเวลา เพราะสามารถสแกนและเซฟเอกสารไว้ใน Mac พีซี แอนดรอยด์และไอโอเอส (iOS) รองรับการส่งเอกสารไฟยังคลาวด์คอมพิวติง การจัดการเอกสารให้ง่ายขึ้นด้วย Rack2-Filer Smart V1.0 และ Magic Desktop V1.0 และการประมวลผลภาพคุณภาพสูงด้วย “GI” แถมดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน ScanSnap Connect Application ฟรี ! เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดเทคโนโลยีใหม่ที่รองรับไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างลงตัว

สแกนได้ฉับไวส่งต่อยังสมาร์ทโฟนได้ทันที ลืมการแสกนแบบเดิมไปได้เลย เพราะด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่แวลลูฯ ต้องขอแนะนำ Fujitsu ScanSnap iX500 สามารถเชื่อมการสแกนเอกสารในไฟล์ยอดฮิตอย่าง PDF และ JPEG ไปยังสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งรองรับทุกระบบปฏิบัติการไม่ว่าจะเป็น ไอโอเอส (iOS) แอนดรอยด์หรือแท็บเล็ต ช่วยลดระยะเวลาและทำให้การทำงานของคุณง่ายขึ้นด้วย



สุดยอดนวัตกรรมการประมวลภาพคุณภาพสูง “GI” มั่นใจได้กับประสิทธิภาพของรูปภาพ เพราะ Fujitsu ScanSnap iX500 มีการสร้างระบบประมวลภาพ “GI” ไว้ภายใน ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดสูง อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อไม่ว่าจะเป็น WI-FI, Wireless LAN (IEEE802.11b/g/n) และ USB 3.0 อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่สอดคล้องกับทุกสไตล์การใช้งาน ครบเครื่องเรื่องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ทันสมัย

กระดาษติดเครื่องน้อยลง พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเอกสารซ้อนแผ่น Fujitsu ScanSnap iX500 ใช้กระบวนการแยกเอกสารประสิทธิภาพสูงด้วยเบรกโรลเลอร์ (Brake Rollers) และมาพร้อมกับคุณสมบัติที่สามารถป้อนกระดาษได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมีถาดเอกสารที่รองรับได้มากถึง 50 แผ่น และสามารถสแกนได้เร็วถึง 25 แผ่นต่อนาที นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเสริม เช่น CardMinder ทำให้สะดวกต่อการเข้าใช้งานเมนูลัดเพื่อการใช้งานในสำนักงาน ไม่ว่าจะเป็น การทำนามบัตรมากกว่า 11 ภาษา (ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เป็นต้น) อีกทั้ง ยังสามารถนำข้อมูลไปใช้ในแอพพลิเคชันอื่น เช่น Address Book, Excel และ Salesforce ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ด้วยคุณสมบัติที่มีเซนเซอร์อัลตราโซนิคที่ตรวจจับเอกสารที่ซ้อนกันอยู่ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าปัญหาการป้อนกระดาษซ้อนจะลดลงและทำให้ไม่พลาดการสแกนเอกสารให้ครบทุกหน้า เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยคอยตรวจสอบความละเอียดของการสแกนได้เป็นอย่างดี



สะดวก รวดเร็ว ด้วยเมนูลัด “Quick Menu” “Quick Menu” จาก Fujitsu ScanSnap iX500 สำหรับพีซีและ Mac จะแสดงขึ้นเมื่อจบการสแกนแต่ละครั้งเพื่อช่วยให้คุณเลือกสรรจัดหมวดหมู่งานสแกนให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น และทำให้คุณสามารถเลือกแอพพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยขึ้นมาได้หลังสแกนทันที นอกจากนี้ คุณสามารถตั้งค่าให้เป็นเมนูโปรดเพื่อการจัดเก็บเอกสารอย่างรวดเร็วและสะดวกต่อการนำมาใช้งานในอนาคต

สแกนเก็บไว้ที่คลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพ Fujitsu ScanSnap iX500 ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่อำนวยความสะดวกให้คุณสแกนเอกสารเก็บไว้บนเว็บไซต์อย่างเช่น Evernote, Dropbox, Google Docs, SugarSync และ Salesforce เป็นต้น สะดวกและง่ายต่อการเก็บรักษาข้อมูลและการแบ่งปันเอกสารของคุณ สามารถซิงค์ข้อมูลถึงกันได้หมดและทำให้สามารถดูเอกสารได้ทุกที่

จัดการเอกสารได้ง่ายด้วย Rack2-Filer Smart V1.0 และ Magic Desktop V1.0 ScanSnap iX500 Deluxe มาพร้อมกับซอฟต์แวร์จัดเก็บเอกสาร Rack2-Filer Smart V1.0 และซอฟต์แวร์ Magic Desktop V1.0 เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Fujitsu ที่รอคุณพิสูจน์ประสิทธิภาพ ยิ่งกว่านั้น คุณสามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ ScanSnap Connect Application ได้ฟรีผ่าน Google Play และ AppStore

ครบเครื่องเรื่องความสะดวก รวดเร็วและง่ายต่อการใช้งาน พร้อมการเชื่อมต่ออย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าต่อการลงทุน ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสแกนเนอร์อย่าง Fujitsu ScanSnap iX500 ดูแลธุรกิจคุณวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ASUS เปิดตัว DVD Writer พกพาใหม่ล่าสุด SDRW-08U5S-U

“ASUS” เปิดตัวดีวีดีไร้ท์เตอร์แบบพกพาใหม่ล่าสุด “SDRW-08U5S-U” บางเฉียบที่สุดในโลกเพียง 13 มิลลิเมตร พร้อมขาตั้งดีไซน์เก๋ไก๋พับเก็บได้ สร้างปราการความปลอดภัยสูงสุดให้กับข้อมูลด้วยระบบมาตรฐานสากล



“เอซุส” ผู้นำด้านเทคโนโลยียุคดิจิตอลระดับโลก เปิดตัวผลิตภัณฑ์ดีวีดีไร้ท์เตอร์แบบเอ็กซ์เทอร์นอลใหม่ล่าสุด “ASUS SDRW-08U5S-U” ซึ่งเป็นอ็อพติคอลไดร้ฟว์ที่สะดวกต่อการพกพา ภายใต้รูปลักษณ์บางเฉียบที่สุดในโลกหนาเพียง 13 มิลลิเมตรเท่านั้น มาพร้อมขาตั้งดีไซน์พิเศษที่พับเก็บได้อย่างกลมกลืนไปกับตัวไดร้ฟว์ ช่วยประหยัดเนื้อที่และลดความยุ่งยากในการประกอบขาตั้งเพราะสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบแนวตั้งและแนวนอน นอกจากนี้ ยังช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้กับข้อมูลที่กำลังไร้ท์ด้วยระบบมาตรฐานสากลมากมายจากเอซุส พร้อมระบบควบคุมรหัสผ่านและการตั้งรหัส รวมถึงฟังก์ชั่นการเข้ารหัสสู่ไฟล์ต่างๆ มีให้เลือก 3 สีล้ำสไตล์ คือ สีเงิน-เมลโล่ว เมททาลิค, สีชมพูอมส้ม-ดัสตี้โรส, และสีชมพู-ไบร้ท์เบอร์รี่

เอ็กซ์เทอร์นอลดีวีดีไร้ท์เตอร์ที่บางที่สุดในโลก ASUS SDRW-08U5S-U ได้รับการออกแบบตามหลักโครงสร้างวิศวกรรมอย่างพิถีพิถัน ช่วยให้ได้ผลลัพธ์คือความเพรียวบางกระทัดรัดที่หนาเพียง 13 มิลลิเมตร นอกจากรูปลักษณ์ที่สวยงามมีสไตล์ในรูปแบบอัลตร้าสลิมแล้ว ยังให้ความสะดวกสบายต่อการพกพา สามารถใช้งานเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค อัลตร้าบุ๊ค และอุปกรณ์โมบายล์ ดีไวซ์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย

ดีไซน์สวยหรูตามปรัชญาแบบ ZEN ด้วยเอกลักษณ์ด้านการดีไซน์ผลิตภัณฑ์อ็อพติคอลไดร้ฟว์ที่มีรางวัลการันตีมากมายของเอซุส SDRW-08U5S-U ได้สานต่อแรงบันดาลใจด้านการออกแบบต่อยอดมาจาก ASUS ZENBOOK™ ด้วยพื้นผิวทำจากวัสดุเมททาลิคขัดลายเส้นมันเงาเป็นวงกลมไล่ระดับดั่งผิวน้ำที่กะเพื่อมออกไปจากจุดศูนย์กลาง ให้อารมณ์เรียบหรูตามปรัชญาของ ZEN ที่ช่วยสร้างความโดดเด่นให้ดีวีดีไร้ท์เตอร์เครื่องนี้มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไปตามท้องตลาด มีให้เลือกใน 3 สีทันสมัย ทั้งสีเงิน-เมลโล่ว เมททาลิค, สีชมพูอมส้ม-ดัสตี้โรส, และสีชมพู-ไบร้ท์เบอร์รี่

ขาตั้งใช้งานสะดวกทั้งแนวตั้งและแนวนอนแบบ Dual-stance SDRW-08U5S-U มาพร้อมขาตั้งในตัวที่สามารถพับเก็บได้อย่างกลมกลืนไปกับตัวเครื่อง เป็นดีไซน์ที่ทีมออกแบบของ เอซุสเรียกว่า “ขาตั้งแบบซ่อน” หรือ Hidden stand ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับใช้ได้ทั้งแบบแนวตั้งและแนวนอนได้ตามต้องการ โดยขาตั้งดังกล่าวช่วยให้ประหยัดเนื้อที่ในการทำงาน และลดการพกพาอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่จำเป็น สร้างความสะดวกสบายแก่การทำงานนอกสถานที่อย่างแท้จริง

สร้างปราการด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งให้กับข้อมูล เอซุสได้บูรณาการระบบ Disc Encryption II อันแข็งแกร่งเพื่อพิทักษ์ความความภัยให้กับข้อมูลอย่างสูงสุด โดยระบบนี้จะช่วยควบคุมการใส่รหัสผ่านในแบบที่ผู้ใช้กำหนดจากการตั้งรหัสแบบ Encryption เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโจรกรรมข้อมูลโดยผู้ไม่พึงประสงค์ รวมทั้งยังมีระบบฟังก์ชั่นการเข้ารหัสสู่ไฟล์ต่างๆ อย่างปลอดภัย



พบกับดีวีดีไร้ท์เตอร์แบบเอ็กซ์เทอร์นอล “ASUS SDRW-08U5S-U” ใหม่ล่าสุดจากเอซุสได้ในช่วงไตรมาสที่ 2/2556 นี้ ในราคาเครื่องละประมาณ 65 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.asus.co.th หรือพูดคุยผ่านทาง Facebook.com/ASUS.DIY